วช. แนะดูแลสุขภาพแต่เนิ่น ๆ โรคเวียนศีรษะห่างไกล

กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--วช. แพทย์แนะผู้สูงวัยหมั่นใส่ใจสุขภาพแต่แรก อาการเวียนหัว เดินเซ บ้านหมุน เกิดขึ้นน้อย ชี้โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นสาเหตุให้เกิดอาการดังกล่าวข้างต้นได้ เผยค่าใช้จ่ายหาสาเหตุโรคราว 5,000 บาทต่อคน ผู้สูงอายุมักจะมีสภาพร่างกายเสื่อมลงตามอายุ เกิดโรคต่าง ๆได้มากมาย อาการเวียนศรีษะหรือการเสียการทรงตัวในผุ้สูงอายุจะพบได้บ่อยและเป็นสาเหตุให้เกิด "การล้ม" อันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ศีรษะและสมอง ซึ่งจะต้องได้รับการปฏิบัติตนให้ถูกต้อง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยแก่ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสุจิตรา ประสานสุขและคณะ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ทำการวิจัยเรื่อง "โรคเวียนศีรษะในผู้สูงอายุและการบำบัดฟื้นฟู" โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลศิริราชที่มีอาการเวียนศีรษะและทำการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่บริหารศีรษะและกลุ่มที่บริหารศีรษะ ทั้งนี้จะมีแผ่นพับที่มีการอธิบายท่าบริหารศีรษะซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติเองได้ที่บ้าน ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุเพศหญิงจะมีอาการเวียนศีรษะเสียการทรงตัวมากกว่าเพศชายกว่า 2 เท่า อาจเนื่องจากผู้หญิงสูงอายุมีโอกาสดูแลสุขภาพตนเองได้ไม่เท่ากับผู้ชายหรือขาดการออกกำลัง เพื่อบริหารสุขภาพร่างกาย เพราะต้องรับผิดชอบภาระในบ้านมากกว่า อย่างไรก็ดีผู้สูงอายุทั้งหญิงและชายที่มีอาการเวียนศีรษะมีโรคประจำตัวตามลำดับมากไปหาน้อยคือ ความดันโลหิตสูง (32.4 เปอร์เซ็นต์) เบาหวาน (13.8 เปอร์เซ็นต์) โรคข้อเสื่อม (8.1 เปอร์เซ็นต์) โรคหัวใจ ( 4.4 เปอร์เซ็นต์) และกำลังรับประทานยาซึ่งโรคเหล่านี้เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของอาการเวียนศีรษะ เสียการทรงตัว และทำให้ระบบประสาทและสมองเสื่อมเร็วขึ้น ทั้งนี้อาการเวียนศีรษะจะทำให้เสียการทรงตัว , รู้สึกว่าบ้านหมุนและรู้สึกมึนงงและจะมีอาการร่วมคือการเดินเซ ไม่มีแรง หน้ามืด หูอื้อ โดยความถี่ของอาการเวียนศีรษะจะเป็น ๆ หาย ๆ และจากการสอบถามถึงความยากง่ายรวมทั้งประโยชน์ของการบริหารศีรษะตามแผ่นพับผู้สูงอายุส่วนมากบอกว่าสามารถปฏิบัติได้ง่ายดีและมีประโยชน์มาก ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ควรจะเน้นการป้องกันและรักษาแต่เนิ่นๆ รวมทั้งต้องดูและสุขภาพโดยรวมมากกว่าที่จะเน้นเฉพาะการรักษาเป็นโรค ๆ และควรใช้ระบบส่งต่อคนไข้ตามความจำเป็นในแต่ละโรคและการรักษาควรจะเป็นสาขาเฉพาะนั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจวิเคราะห์ที่เกินความจำเป็นอันจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณในการรักษา นอกจากนี้แผ่นพับการบริหารศีรษะและปรับการทรงตัวในผู้สูงอายุก็เป็นหนทางหนึ่งที่สามารถนำไปใช้ในการแนะนำดูแลสุขภาพทั้งอาหาร การออกกำลังกาย การเฝ้าระวังโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุ ซึ่งในปี 2548 จะมีผู้สูงอายุถึง 6.3 ล้านคน และในปี 2553 จะเพิ่มเป็น 7.4 ล้านคนทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในในการตรวจค้นหาสาเหตุคนละประมาณ 5,000 บาท (ไม่รวมค่ารักษาพยาบาล)--จบ-- -ศน-

• ข่าวสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
• ข่าวโรคความดันโลหิตสูง
• ข่าวการวิจัยแห่งชาติ
• ข่าวความดันโลหิตสูง
• ข่าวความดันโลหิต