"ปิติ" ผู้กำกับ "ตะลุมพุกฯ" ค้นข้อมูลจาก "เหตุการณ์จริง" สร้างหนัง

กรุงเทพฯ--10 ต.ค.--อาร์.เอส.ฯ “ตะลุมพุก มหาวาตภัย ล้างแผ่นดิน” ผลงานภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของ บริษัท ฟิล์มเซิร์ฟ จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น จำกัด ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สร้างจากเหตุการณ์จริง ในเหตุการณ์ที่ประเทศไทยโดนมหาวาตภัยถล่ม เมื่อปี พ.ศ. 2505 ทำให้ “ปิติ จตุรภัทร์” ในฐานะผู้กำกับ ต้องลงมือค้นหาข้อมูลจากเหตุการณ์จริง จากแหล่งข้อมูลเท่าที่หลงเหลืออยู่เป็นเวลาถึง 6 เดือนด้วยตัวเอง “หลังจากที่ผมได้คุยกับ คุณคมสัน ศรีสวัสดิ์ ผู้บริหารของบ.ฟิล์มเซิร์ฟ ว่ามีโปรเจ็กต์เรื่องตะลุมพุกฯ เขาเล่าแบ็กกราวน์คร่าวๆ ให้ฟังว่าเมื่อ พ.ศ. 2505 เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราก็ค้นต่อไปว่าที่ว่าใหญ่ที่สุดนี่ใหญ่จริงไหม เราได้ค้นไปเจอคำปราศัยของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ว่าในรอบ 100 ปียังไม่เคยมี ทำให้รู้สึกสนใจที่จะเข้าไปหาข้อมูล ซึ่งก็ได้เจอกับคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์จริง สิ่งที่ได้กลับมา นอกจากความสูญเสีย ความเสียหายแล้ว เรายังพบว่า สมัยนั้นความช่วยเหลือ น้ำใจที่ทุกๆ คนของทั้งประเทศเข้าไปช่วยคนที่เดือดร้อน ผมนึกถึงคำหนึ่งขึ้นมาว่าไทยช่วยไทย และก็ทำให้เกิดเป็น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แหล่งข้อมูลอย่างแรกเราได้จากหอสมุด ซึ่งเก็บข้อมูลข่าวสารทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ในพ.ศ.นั้น เราก็จะได้ข่าวสารจากหนังสือพิมพ์หน้าวิจารณ์ จากสารคดีเก่าๆ บางเล่ม จากรายการสารคดีเก่าๆ บางเรื่อง แล้วข้อมูลอันนี้ ก็พาเราไปยังสถานที่จริง ไปพูดคุยกับคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์นั้นอย่าง หมอสง่า รามณรงค์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ หมอสง่า คือคนที่ช่วยเหลือคนที่ประสบวาตภัยในครั้งนั้น และเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น มันเหมือนเป็นแรงจูงใจที่สอง ที่นำเข้าไปใกล้ถึงคนที่รอดชีวิต เราคุยกับแทบทุกคน ที่อยู่ในเหตุการณ์ประมาณ 20-30 คนได้ แต่ละคนเล่าเหตุการณ์ได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตลอดเวลาที่เขาเล่ามัน เหมือนกับเขาลืมมันไม่ได้ เกือบทุกคนเล่าไปทั้งน้ำตา บางคนมีเรื่องดีมา แต่ต้องแลกด้วยเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต บางคนได้ลูกใหม่มา แต่ในขณะที่ต้องแลกด้วยสามีและครอบครัว คือเหมือนกับธรรมชาติไม่ได้ลงโทษอย่างเดียว ธรรมชาติก็ให้อะไรกลับคืนมาด้วยเหมือนกัน ผมไปหาข้อมูลจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ห้องสมุดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และที่ทักษิณคดี จังหวัดสงขลา ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ในการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเท่าที่มี ทั้งจากผู้ใหญ่ที่ให้ความช่วยเหลือ ทำให้ผมได้ข้อมูลแทบทั้งหมด ของเหตุการณ์ในครั้งนั้นครับ”--จบ-- -สส-

• ข่าวอาร์เอส โปรโมชั่น
• ข่าวศรีสวัสดิ์
• ข่าวอาร์.เอส.ฯ
• ข่าวเรื่องราว
• ข่าวประเทศไทย