กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด เร่งเครื่องใช้กลยุทธ์ Co-Branding เพื่อคืนกำไรกับลูกค้า จับมือกับเอ็มลิ้งค์ ผู้แทนจำหน่ายโทรศัพท์มือโมโตโรล่า และเจมาร์ท ร่วมกันจัดโปรโมชั่น "จับตา(ย) ป้ายเบ็นดิกซ์" แจกฟรี!!! โทรศัพท์มือถือ โมโตโรล่า ที190 ถึงมีนาคมปีหน้า
นายกิตติ นครชัย กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบ็นดิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกคุณภาพสูง เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เบ็นดิกซ์ มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Honeywell ซึ่งเป็นผู้พัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมหลายประเภท อาทิ อุปกรณ์ระบบควบคุมอัตโนมัติต่าง ๆ อุปกรณ์ระบบอากาศยาน รวมถึง อุปกรณ์ระบบเครื่องยนต์ ยานยนต์ และเบรก ผลิตภัณฑ์ Bendix เป็นตราสินค้าที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 50 ปีมาแล้ว ซึ่งไม่เป็นเพียงเฉพาะผ้าเบรก ยังรวมถึงระบบห้ามล้อทั้งหมดและยังครอบคลุมถึง น้ำมันเบรก จานเบรก ทั้งในยานพาหนะต่าง ๆ และรถบรรทุกหนัก Disc Break Bendix มีชื่อเสียงมานาน และเป็นที่คุ้นตากันในโฆษณาเครื่องบิน "รถยนต์ของท่านใช้ผ้าเบรกที่เหมือนกับใช้หยุดเครื่องบิน" ภายใต้สโลแกน "เบ็นดิกซ์หยุดเครื่องบินคำนี้ และรถของคุณ" จุดแข็งของเบ็นดิกซ์ คือมีคุณภาพของสินค้าระดับโลก และสนองตอบความต้องการสำหรับการใช้งานทุกประเภทและรถทุกรุ่นอย่างครบครัน และเมื่อไม่นานมานี้ Bendix ก็ได้เปิดตัวผ้าเบรก รุ่น 4WD และ รุ่น Ultimate เมื่อรวมทั้งหมดจะมี 6รุ่น รุ่น Standard STD, รุ่น Metal King Gold MKG, รุ่น Pick Up Pack, รุ่น Euro Pack EUP, รุ่น 4WD, รุ่น Ultimate ULT
การพัฒนาทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ในยุคการแข่งขันเสรี ดูเหมือนว่าผู้ผลิตทุกรายต่างเร่งปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตของตนให้เจริญรุดหน้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อผลิตยนตรกรรมที่สมรรถนะสูง ประหยัดเชื้อเพลิง ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำรถยนต์ไปใช้ในลักษณะต่าง ๆ ได้ตามความประสงค์ นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ก็ยังพยายามพัฒนาระบบความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ซึ่งก็คือ ระบบเบรก นั่นเอง จากจุดนี้เองทำให้มองถึงความสำคัญของผ้าเบรก เพราะไม่ว่าระบบเบรกจะมีการพัฒนาไปจนมีประสิทธิภาพขนาดใด แต่ก็ยังจำต้องพึ่งผ้าเบรกในการทำงานของระบบ ส่งผลให้ ความต้องการใช้ผ้าเบรกจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้น และให้ความใส่ใจต่อความปลอดภัยมากขึ้น จึงหันมาใช้ผ้าเบรกที่มีมาตรฐานมากขึ้น ทั้งในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์ และเป็นอะไหล่ทดแทนของเก่าที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ เนื่องจากผ้าเบรกจะมีอายุการใช้งานราวปีครึ่งถึง 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่รถยนต์เป็นสำคัญ โดยคาดว่าในปี 2545 นี้ตลาดผ้าเบรกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 8-10 ภาวะการแข่งขันในตลาดก็ยังคงแข่งขันกันรุนแรง แต่ทางบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจาก ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ ถือเป็นผู้นำในด้านของเทคโนโลยีสินค้า และได้รับการยอมรับอย่างสูงจากลูกค้าโดยทั่วไป และเรายังเป็นเจ้าตลาดอยู่ด้วย โดยในปีนี้ เราได้ขยายแบรนด์เพิ่มคือ "Prima" เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของครบทุกกลุ่มอีกด้วย โดยผ้าเบรก พรีม่า เน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไปและในต่างจังหวัด สำหรับในปี 2546 แนวโน้มตลาดผ้าเบรกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ที่คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นประมาณร้อยละ 15 จากปี 2545 นี้ คาดว่าภายใน 2-3 ปี ข้างหน้ารัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุมให้รถยนต์ต้องผ่านการตรวจสอบ ระบบเบรกให้ได้ มีมาตรฐานสากลอ้างอิงจากประเทศในยุโรป
สำหรับกลยุทธ์การรุกตลาดของเบ็นดิกซ์ ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงปิดปี ธรรมเนียมของทางเบ็นดิกซ์ จะค่อนข้างแตกต่างจากผู้ประกอบการเจ้าอื่น ๆ ที่จะเร่งทำเป้ายอดขาย ในขณะที่เราจะมุ่งเน้นในด้านการเสริมสร้างสัมพันธภาพ ด้วยการจัดงานเลี้ยงขอบคุณทั้งลูกค้า และสื่อมวลชน ที่ได้ให้การสนับสนุนเรามาด้วยดีตลอดมา และนอกจากนี้ เรายังได้จัดมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ในลักษณะของ Co-Branding ร่วมกับ เจมาร์ท และบริษัท เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยใช้ชื่อโปรแกรมว่า "จับตา(ย) ป้ายเบ็นดิกซ์"
นายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและบริหารการขาย บริษัท เอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับโปรแกรม "จับตา(ย) ป้ายเบ็นดิกซ์" เราจัดขึ้นมาโดยมุ่งเน้นเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท กับผู้ใช้รถอีกทางหนึ่งด้วยวิธีการง่าย ๆ คือ ลูกค้าเพียงไปขอรับสติ๊กเกอร์ ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ จากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบ็นดิกซ์หรือร้านเจมาร์ททุกสาขา ติดไว้ที่รถ เพื่อร่วมลุ้นรับโทรศัพท์มือถือ โมโตโรล่า ที 190 ฟรี เดือนละ 10 เครื่อง ตั้งแต่วันนี้ - สิ้นเดือนมีนาคม 2546 โดยติดตามรายชื่อผู้โชคดีได้ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับประจำวันที่ 2 และ 17 ของเดือน และนิตยสารนักเลงรถ นอกจากนี้ยังรับโชคชั้นที่ 2 ส่วนลดทันที 100 บาท เพียงตัดฝากล่องด้านล่างของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ รุ่นใดก็ได้ พร้อมใบปลิว ไปที่ร้านเจ มาร์ท เพื่อซื้ออุปกรณ์เสริมโทรศัพท์ชุด Safety Set (ประกอบด้วยสายชาร์จในรถยนต์และ Small Talk) จากราคาปกติ 299 เหลือเพียง 199 บาทเท่านั้น และอุปกรณ์เสริมภายใต้ยี่ห้อ เจมาร์ท ลดราคาพิเศษสุด โดยเราไม่ได้หวังผลที่ยอดขายเป็นสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เราต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของเรา
นายธนารักษ์ อุ่นเรือน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจอันมีเป้าหมายสูงสุดคือการทวีขีดความสามารถด้านการขาย การบริการ และการมุ่งขยายฐานการตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 12 ปี ของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่ได้เริ่มเปิดกิจการในเดือนธันวาคม พ.ศ.2532 ส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุมตลอดทุกด้านอย่างรวดเร็ว ภายใต้วิสัยทัศน์อันกว้างไกลในการบริหารงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในเชิงธุรกิจ ที่พร้อมก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำแห่งวงการธุรกิจการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมทั้งในระบบ GSM 2 WATTS, DTAC และ Digital GSM 1800 ที่มียอดจำหน่ายอยู่ในอันดับสูงสุด ด้วยทิศทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายของบริษัทฯนี้เอง บริษัท เจ มาร์ท จำกัด(มหาชน) เล็งเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ ตอกย้ำความมั่นใจ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ทางบริษัทฯ สนับสนุนความร่วมมืออย่างเต็มที่ กับ โปรแกมการตลาดที่จะคืนกำไรให้แก่ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทางบริษัทฯได้สนับสนุน ในการมอบส่วนลด 100 บาทแก่ผู้ที่นำฝากล่องผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ รุ่นใดก็ได้ พร้อมใบปลิวนำมาซื้ออุปกรณ์เสริมโทรศัพท์ ชุด Safety Set โดยปกติทางบริษัทฯ จะขายในราคา 299 บาท แต่เพื่อเป็นการสมนาคุณลูกค้าเราจะขายเพียง 199 เท่านั้น Co-Branding ในวันนี้จะเสริมสร้างความเป็นองค์การแห่งคุณภาพที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการ สู่ความเป็นเลิศ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าและ สมาชิกของ เจ มาร์ท ที่สำคัญคือเป็นส่วนหนึ่งในการพลักดันให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การเข้าร่วมจัดทำกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลายนี้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อมุ่งตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
นายพลณรงค์ วัฒนโพธิธร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็ม ลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โดยเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักให้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ Mobile from Advanced ในปี พ.ศ 2541 เอ็ม ลิ้งค์ ได้รับการแต่งตั้งจาก MOTOROLA INC. ประเทศสหรัฐอเมริกาให้เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่โมโตโรล่าในระบบ GSM Advance, One-2-Call และ GSM 1800 ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นและนำมาซึ่งความร่วมมือระหว่าง เอ็ม ลิ้งค์ฯ กับ กลุ่มธุรกิจสื่อสารชั้นนำของโลก จำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี คือบทพิสูจน์ศักยภาพของตัวแทนจำหน่าย เอ็ม ลิ้งค์ฯ ที่มีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง และเป็นขุมพลังสำคัญที่ผลักดันให้ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในแวดวงธุรกิจสื่อสาร
"ในการเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือสร้างแผนการตลาดในครั้งนี้ ทางบริษัทเห็นว่าเป็นการมอบความปรารถนาดีแก่ผู้บริโภคด้วยการมอบโทรศัพท์มือถือ โมโตโรล่า ที 190 แก่เจ้าของรถยนต์ที่มีสติ๊กเกอร์ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ติดอยู่ ซึ่งทางบริษัท เอ็มลิงค์ฯ เห็นความสำคัญของผู้บริโภค จึงได้ให้การสนับสนุนด้วยดี และจะพยายามมอบความพึงพอใจสูงสุดต่อไป และเป็นที่น่ายินดีที่การคืนกำไรแก่ลูกค้าในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือกันของ พันธมิตรการค้า เบ็นดิกซ์ เจมาร์ท และเอ็มลิงค์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ มีการเจริญเติบโตของบริษัทที่ดีเรื่อยมา จึงเป็นที่แน่ชัดว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นเครื่องตอกย้ำการตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภคที่ดีเยี่ยม" นายพลณรงค์ วัฒนโพธิธร กล่าว
นอกจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นทางบริษัทฯได้มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างพิถีพิถัน ก่อนนำส่งให้กับตัวแทนจำหน่าย พร้อมกันนี้ เอ็ม ลิ้งค์ฯ ยังมุ่งเน้นสู่ความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ภายใต้ปณิธาน "ซื่อสัตย์...จริงใจ" ความสำเร็จในวันนี้ มิใช่ความพอใจสูงสุดสำหรับ เอ็ม ลิ้งค์ฯ หากแต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวไกล สู่ความเป็นหนึ่งในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการและมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา และสำหรับการร่วมกันทำกิจกรรมกับทางเบนดิกซ์ และเจมาร์ทในวันนี้ เป็นคืนกำไรให้กับผู้บริโภค และยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นายพลณรงค์ กล่าวในที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
จิดาภา ประมวลทรัพย์, ประกาศิต นันป้อ
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 0-2276-8432-3, 0-2693-7835-8 ต่อ 32,37, 0-1817-7153
โทรสาร 0-2693-6919 E-mail:
[email protected] จบ--
-ศน-