ไทยพาณิชย์เปิดเกมส์รุกกลุ่มลูกค้าบุคคลจับมือพันธมิตรชั้นนำจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด "ลุ้นรับเงินล้านกับเลย์"

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--ธ.ไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดรูปแบบใหม่ในโครงการ "ลุ้นรับเงินล้านกับเลย์" ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ เผยแนวนโยบายเชิงรุกทางด้าน Retail Banking ในปี 2546 ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าและผู้บริโภคสูง โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ จนถึง 31 สิงหาคม 2546 นี้ นางจันทิมา จตุรภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากนโยบายทางการตลาดของธนาคารในการให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าบุคคลโดยเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น รวมถึงความต้องการของธนาคารที่จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและประชาชนอย่างทั่วถึง ประกอบกับนโยบายการตลาดแบบ Strategic Partner ของธนาคารที่ได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยธนาคารได้ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำในการให้บริการกับลูกค้าของธนาคารด้วยผลิตภัณฑ์ที่เลือกสรรเฉพาะลูกค้าแต่ละกลุ่ม การอำนวยความสะดวกทางด้านเครือข่ายที่กว้างขวางและทันสมัย รวมถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่เหมาะสม ทำให้ปัจจุบันธนาคารสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และครอบคลุมรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งด้านการให้บริการทางการเงิน และการอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันด้วยช่องทางที่หลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และสามารถให้บริการได้ทุกที่ ทุกเวลา สำหรับโครงการ "ลุ้นรับเงินล้านกับเลย์" ซึ่งธนาคารได้ร่วมกับบริษัท ฟริโต-เลย์ จำกัด นับเป็นจุดเริ่มต้นในการบุกตลาดลูกค้ารายย่อยอย่างชัดเจน โดยธนาคารเชื่อมั่นว่าความเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวของฟริโต-เลย์ ผสมผสานกับศักยภาพของธนาคารจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เป็นที่สนใจของผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน เพียงแค่ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ทุกแบรนด์ของฟริโต-เลย์ ได้แก่ เลย์ ทวิสตี้ส์ ชีโตส ทรีดี และตะวัน ก็สามารถลุ้นรับเงินล้านเป็นคูปองเงินสด คูปองส่วนลด และของรางวัลต่าง ๆ อีกมากมายได้ทันที โดยสามารถอ่านรายละเอียดการขึ้นเงินได้จากคูปองภายในซอง หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ โทรศัพท์ 0-2544-5000 "โปรแกรมส่งเสริมการตลาดครั้งนี้เป็นการมุ่งเน้นการสร้างความรับรู้ในแบรนด์ของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยในปี 2546 นี้ ธนาคารมีแผนการตลาดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าบุคคลอย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับลูกค้าของธนาคาร โดยในเร็ว ๆ นี้จะมีโครงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ รวมถึงการเข้าร่วมกับพันธมิตรทางด้านธุรกิจบันเทิงในการเปิดตัวการให้บริการในรูปแบบใหม่ที่ครบวงจรอีกด้วย" สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พจน์ ใจชาญสุขกิจ หัวหน้าทีมอาวุโส (ประชาสัมพันธ์) , วัฒนี รัศมิทัต--จบ-- -ศน-

ข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด+จันทิมา จตุรภัทร์วันนี้

ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีผลวันที่ 3 มีนาคม 2568

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% มาอยู่ที่ 2.00% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินลดความตึงตัว สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ กนง. ประเมินไว้และสามารถรองรับความไม่แน่นอนข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด

"PAPPLE Series Hua Hin 24" กอล์ฟการกุศลคร... "PAPPLE Series Hua Hin 24" กอล์ฟการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ — "PAPPLE Series Hua Hin 24" กอล์ฟการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ รวมสุดยอดโปร LPGA และโปรกอล์ฟชั้นนำของไทยกว่า ...

รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา (กลาง) ประธ... 'บมจ.โรงพยาบาลนครธน' แต่งตั้ง Underwriters เตรียมเสนอขายหุ้น IPO — รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา (กลาง) ประธานกรรมการบริษัท บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (ม...

เป็นหนึ่งในหุ้น IPO ที่จะได้รับปัจจัยบวกจ... 'บมจ.โรงพยาบาลนครธน' จัดโรดโชว์นักลงทุนรายย่อย ผ่านระบบออนไลน์ 29 พ.ย.นี้ — เป็นหนึ่งในหุ้น IPO ที่จะได้รับปัจจัยบวกจากเทรนด์การใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพเละแนว...

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้... ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 — ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี ...

ธนาคารไทยพาณิชย์สำรองธนบัตรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำรองธนบัตรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 เพื่อรองรับการใช้บริการของลูกค้า เป็นจำนวนเงิน 37,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5% เนื่องจากการบริโภคของประชาชนที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและนโยบายของภาครัฐทั้งในเรื่องการอัดฉีดเม็ด...