กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--กทม.
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วันนี้ (17 มี.ค.46) เวลา 11.00 น. นางณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว "พบกันจันทร์ละหน คนกับข่าว" ครั้งที่ 83 เรื่องการดำเนินงานของสำนักเทศกิจ ปี 2546 โดยมี นายธวัชชัย กำลังงาม ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ นายธะนะกร คุณาวุฒิ และ นายณัฐชัย คทวณิช รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ร่วมแถลงข่าว
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า บทบาท การดำเนินงาน ภารกิจ ของเทศกิจในปัจจุบันเน้นความเอื้ออาทร และเป็นมิตรกับประชาชนโดยจะดูแลให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกทม. รวมทั้งให้การสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว การดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนัก ท่องเที่ยว การดำเนินมาตรการควบคุมช้างเร่ร่อนประกอบอาชีพในกทม. การควบคุมและการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ มีระเบียบ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับในเอเชีย รวมถึงการดูแลและเฝ้าระวังเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด โดยได้ร่วมกับร่วมกับกองกำกับการตำรวจนครบาล 1 - 9 ในการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา ฟื้นฟูสุขภาพของผู้ติดยาเสพติด
โครงการ "เทศกิจมิตรประชา"
สำหรับโครงการ "เทศกิจมิตรประชา" ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้ สายตรวจเทศกิจเดินเท้า จักรยาน และรถยนต์ เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนตามตรอก ซอย และประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกในเรื่องการรักษาความสะอาด รวมทั้งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้กับประชาชน และรับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ จากประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ 24 ชั่วโมง ตรวจตราบริเวณอาคารร้าง ตลอดจนที่ดินรกร้างว่างเปล่าทั้งของเอกชนและที่สาธารณะ ที่เสี่ยงอันตราย ที่เปลี่ยวต่างๆ รวมทั้งแจ้งเบาะแสการมั่วสุม และยาเสพติด โดยประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลท้องที่เพื่อดำเนินการต่อไป ตั้งจุดตู้เขียวรับเรื่องร้องทุกข์ โดยจะติดตั้งตู้ดังกล่าวตามชุมชน ตรอก ซอย หมู่บ้านจัดสรร เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการร้องทุกข์สามารถเขียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและนำปัญหาเหล่านั้นเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการ แก้ไขต่อไป เทศกิจอาสาจราจร อำนวยความสะดวกด้านการจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเวลาเร่งด่วน เทศกิจร่วมใจบรรเทาภัยทางน้ำ จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองให้มีความชำนาญในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ประสบภัยทางน้ำ กิจกรรมตรวจก่อนซื้อ ไม่ต้องรื้อภายหลัง เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในการซื้อขายอาคารที่ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยกรุงเทพมหานครจะออกหนังสือรับรองความถูกต้องของเจ้าของอาคารรายนั้น เพื่อให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง สามารถตรวจสอบการต่อเติมก่อนซื้อขาย ทั้งนี้หากเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เกิน 4 ชั้น สามารถขอรับบริการตรวจสอบได้ที่สำนักงานเขตที่สิ่งปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่ หรือหากเกินกว่า 4 ชั้น สามารถตรวจสอบได้ที่สำนักการโยธา กทม.2 ดินแดง
นอกจากนี้สำนักเทศกิจ ยังได้จัดฝึกอบรมพนักงานเทศกิจจากสำนักเทศกิจและสำนักงานเขต เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพในการปฏิบัติงาน เพื่อช่วยเหลือ และบริการประชาชน เช่น การประชาสัมพันธ์ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยและประสบภัยทางน้ำ การบริการจับสัตว์มีพิษ เช่น งู รวมถึงการฝึกสังเกตวัตถุอันตรายที่อาจพบเห็นซุกซ่อนตามที่สาธารณะต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้การดูแลรักษาความเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว เป็นไปด้วยความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จัดฝึกอบรมศิลปะป้องกันตัวตามโครงการร่วมพิทักษ์ชีวิตกับเทศกิจด้วยมือคุณอย่างต่อเนื่อง
สำนักเทศกิจได้ตระหนักถึงปัญหาสังคมของกรุงเทพมหานครที่ต้องเสี่ยงต่อการประสบเหตุร้ายต่างๆ เช่น การถูกฉกชิง วิ่งราวทรัพย์ การถูกลวนลาม หรือการถูกกระทำทางเพศ โดยเฉพาะเด็กและสตรี จึงได้จัดกิจกรรมการฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวขึ้น เพื่อให้ประชาชนซึ่งเป็นเด็ก และสตรีที่อยู่ในวัยเรียนและวัยทำงาน รวมถึงแม่บ้านมีความรู้เบื้องต้นในการต่อสู้ป้องกันตัว ตลอดจนรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและควบคุมสติตนเองเมื่อประสบอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปีงบประมาณ 2546 จึงจะจัดอบรมจำนวน 3 รุ่น ๆ 80 คน ดังนี้ รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 28 - 30 เม.ย.46 รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 6,7,9 พ.ค.46 และรุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 - 14 พ.ค. 46 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ที่ฝ่ายแผนงาน กองวิชาการและแผนงาน สำนักเทศกิจ หรือ สอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0 2465 5325 และ 0 2465 2288 ในวันและเวลาราชการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
มาตรการควบคุมช้างเร่ร่อนประกอบอาชีพในเขตกทม.
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 46 ได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาวมิให้มีการนำช้างไปเร่ร่อนในเขตชุมชนและเมือง โดยมาตรการหนึ่งที่นำมาพิจารณาคือ โครงการปล่อยช้างคืนสู่ธรรมชาติ ส่วนช้างที่ไม่อาจปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ก็จะต้องมีการจัดการเลี้ยงดูตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาสนับสนุนให้นำช้างเข้าสู่ปางช้างและวนอุทยานต่างๆ เพื่อให้ช้างและควาญช้างมีรายได้จากการบริการนักท่องเที่ยวและมีแหล่งทำกินที่แน่นอน อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการตำรวจ แห่งชาติได้จัดการประชุมหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กรมการปกครอง กรมปศุสัตว์ กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สถาบันคชบาล มูลนิธิเพื่อนช้าง สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันหามาตรการแก้ไขปัญหาการนำช้างมาเร่ร่อนหารายได้ในเขตกทม. ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้วิธีการจับปรับและส่งฟ้องศาล ขอให้ศาลมีคำสั่งริบช้างตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ในการสกัดกั้นไม่ให้มีผู้นำช้างเข้ามาในเขตกทม.และปริมณฑล
สำหรับกรุงเทพมหานครได้ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับปัญหาช้างเร่ร่อนได้เพียงดำเนินการจับ - ปรับควาญช้างที่นำช้างเข้ามาเร่ร่อนประกอบอาชีพในกทม. โดยมีอัตราค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนไม่ให้ซื้ออาหารเลี้ยงช้าง ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่ง
จัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย สร้างทัศนียภาพที่ดีให้กทม.
งานด้านการควบคุมและการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยนั้น สำนักเทศกิจและสำนักงานเขต ได้ร่วมกันกวดขัน ควบคุมมิให้ผู้ค้าทำการค้าขายนอกจุดผ่อนผันโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ปัจจุบันกทม.มีจุดผ่อนผันจำนวน 268 จุด มีผู้ค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วจำนวน 15,289 ราย และมีจุดที่อยู่ระหว่างการเสนอคณะกรรมการประสานงานรักษาความเป็นระเบียบเรียบของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วมระหว่างกรุงเทพมหานครและกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อกำหนดเป็นจุดผ่อนผันอีกจำนวน 353 จุด โดยจุดที่ได้รับเสนอเป็นจุดผ่อนผันนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการประสานงานความเป็นระเบียบเรียบร้อยระดับเขต ซึ่งมีข้า ราชการจากหลายฝ่ายรวมทั้งประชาชนในพื้นที่ร่วมพิจารณาแล้ว สำหรับบริเวณที่เป็นถนนสายหลักหรือถนนสายสำคัญๆ จะดำเนินการเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษโดยเฉพาะการรักษาความสะอาด เพื่อความสวยงาม และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พบเห็นผู้เสพยาเสพติดหรือสูดดมสารระเหย โปรดแจ้งศตส.ก. โทร. 0 2226 3786
ปัจจุบันรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งมาตรการกวดขันและจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งผู้เสพและผู้ค้ายาบ้าอย่างเข้มงวด ทำให้ยาเสพติดประเภทยาบ้าหายากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้เสพจึงได้หันกลับมาใช้สารเสพติดประเภทสารระเหย หรือ กาวที่มีส่วนประกอบของทินเนอร์เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และนิยมใช้ในการทำงานฝีมือ หรืองานประดิษฐ์ต่างๆ แต่มีผลร้ายแรงต่อระบบประสาทการหายใจและร่างกาย เจ้าหน้าที่เทศกิจจึงเป็นกำลังสำคัญที่จะเข้ามาช่วยตรวจตราและประชาสัมพันธ์ประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในชุมชนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว รวมถึงแจ้งให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการสอดส่องดูแล เฝ้าระวังการจำหน่ายกาวแก่ ผู้ซื้อด้วย ทั้งนี้หากพบเห็นผู้เสพยาเสพติดหรือ สูดดมสารระเหย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์อำนวยการต่อสู้ยาเสพติดขั้นแตกหัก กทม. (ศตส.ก.) โทร. 0 2226 3786 ในเวลาทำการ หรือศูนย์อำนวยการฯ ทั้ง 50 สำนักงานเขตของ กทม. และศูนย์รับเรื่อง ราวร้องทุกข์ โทร. 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง--จบ--
-นห-