กรมราชทัณฑ์เยียวยาผู้ต้องขังป่วยทางจิต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์เผยตัวเลขผู้ต้องขังป่วยทางจิตพุ่ง 1,116 คน เร่งเยียวยาอบรมแพทย์ช่วยบำบัด ควบคู่พัฒนาสิ่งแวดล้อมในเรือนจำให้ช่วยคลายความตึงเครียด ชี้ช่วง 24 – 48 ชั่วโมงหลังนักโทษกลับจากศาลเป็นนาทีวิกฤติเพราะผู้ต้องขังทำใจไม่ได้มักก่ออัตวินิบาตกรรมสูงเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2546 เวลา 09.00 น. นายไพโรจน์ ถัดทะพงษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการบำบัดรักษาผู้ต้องขังที่มีปัญหาจิตเวชสำหรับแพทย์ ณ ห้องทิพยวรรณ โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี โดยมีแพทย์ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของกรมราชทัณฑ์จำนวน 30 รายเข้ารับการอบรม รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากการสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 พบว่า มีจำนวนผู้ต้องขังที่มีปัญหาทางจิต 1,116 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2545 ที่มีจำนวน 1,051 คน โดยเรือนจำที่มีผู้ต้องขังมีปัญหาทางจิตสูงสุด คือ เรือนจำกลางคลองไผ่ มีจำนวน 40 คน ในขณะที่มีแพทย์เพียง 20 คน “จากสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดในเรือนจำ นอกจากจะทำให้เกิดปัญหาด้าน สุขภาพทางกายแล้วยังจะส่งผลให้ผู้ต้องขังเกิดปัญหาจากสภาพจิตตามมาอีกด้วย และเพื่อให้ผู้ต้องขังเหล่านี้ได้รับการพิทักษ์ปกป้องเยียวยาเช่นเดียวกับผู้ต้องขังอื่น ๆ กรมราชทัณฑ์จึงได้ประสานงานกับสถาบันกัลณ์ยาราชนครินทร์ จัดการอบรมในครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้แพทย์มีความชำนาญและสามารถวินิจฉัยปัญหาทางจิตของผู้ต้องขังได้ในเบื้องต้นและนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากขึ้น” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว อย่างไรก็ตาม การบำบัดดูแลผู้ต้องขังที่มีปัญหาทางจิตนี้จะต้องได้รับการพัฒนาไปพร้อม ๆ กับส่วนอื่น ๆ ด้วย อาทิ การจัดสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำให้เหมาะสม การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อให้ผู้ต้องขังเกิดความผ่อนคลาย การจัดระบบสุขาภิบาลที่ดี การดึงศาสนา มาช่วยกล่อมเกลาทางจิตใจให้ผู้ต้องขังมีจิตใจที่สงบมากขึ้นนายแพทย์จอน เลอวิทย์วรพงศ์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ต้องขังที่ป่วยทางจิตจะมี 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ กลุ่มซึมเศร้าที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง บุคคลประเภทนี้มักจะแยกตัวอยู่คนเดียวและ มีแนวโน้มที่จะทำอัตวินิบาตกรรมสูง ส่วนอีกกลุ่มคือ ผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีความหวาดระแวงว่าตนเองจะถูกทำร้ายตลอดเวลา จึงมักจะทำร้ายผู้อื่น ผู้ต้องขังประเภทนี้หากมีพฤติกรรมที่รุนแรงมากจำเป็นต้องส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา และโรงพยาบาลศรีธัญญาเป็นการเฉพาะการดูแลผู้ต้องขังที่ป่วยทางจิตนี้เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายทั้ง แพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่เรือนจำทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน โดยนอกเหนือจากแพทย์ และทีมจิตเวชจะให้การบำบัดรักษาแล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำจะต้องสังเกตพฤติกรรมที่ผิดไปจากเดิมของผู้ต้องขังบางคน เช่น การแยกตัวอยู่คนเดียวภายหลังที่กลับจากรับฟังการพิพากษาคดีจากศาลหรือยกของใช้ส่วนตัวให้เพื่อน ๆ โดยในระยะเวลา 24 – 48 ชั่วโมง หลังกลับจากศาลนั้นเป็นระยะเวลาที่วิกฤติมากเนื่องจากผู้ต้องขังจะเกิดความเครียดสูงจึงมีโอกาสทำอัตวินิบาตกรรมสูงมากดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายควรให้การดูแลอย่างใกล้ชิด--จบ-- -นห-

ข่าวการอบรมเชิงปฏิบัติการ+ไพโรจน์ ถัดทะพงษ์วันนี้

นิติศาสตร์ SPU เปิดคลาส Storytelling ปั้นนักกฎหมายรุ่นใหม่ ให้ 'พูดปัง-ฟังดี-ตีความเป็น'

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) เดินหน้ายกระดับทักษะการสื่อสารของนักศึกษากฎหมาย จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ทักษะการเล่าเรื่องสำหรับนักกฎหมาย : Storytelling for Attorney ภายใต้หัวข้อ "เล่าให้ปัง ดังกว่าคดี!" ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 19 20 กรกฎาคม 2568 กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการบรรยายพิเศษนำโดย คุณสุริยัณห์ หงษ์วิไล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ประจำสำนักประธานศาลฎีกา พร้อมทีมงาน ที่มาเปิดมุมมองใหม่ผ่าน "Storytelling สำหรับนักกฎหมาย" ถ่ายทอดพลังของคำพูดที่สามารถ

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุม... ก้าวสู่ยุคดิจิทัล! ผู้บริหารเสริมแกร่ง Single Data ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ — เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุม 25412 ชั้น 4 อาคารสำนักวิทย...