กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย)
ยูเอ็มไอ หรือสหโมเสคอุตสาหกรรม เซ็นสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ กับ บสท. และทิสโก้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรับยืดหนี้ให้ 10 ปี แลกกับการชำระเงินสด 200 ล้านบาท บวกหุ้นกู้แปลงสภาพอีก 160 ล้านบาท ภายใน 90 วัน พร้อมปรับลดเงินต้นให้ถึง 27% เตรียมแผนพัฒนาธุรกิจรองรับธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่เติบโตจากภาคอสังหาริมทรัพย์ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยถึงผลการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ (ยูเอ็มไอ) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า "บสท. และบริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน ได้บรรลุข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเอ็มไอจำนวน 1,468 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยูเอ็มไอจะทำการชำระเงินสดจำนวน 200 ล้านบาท พร้อมทั้งหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 160 ล้านบาท ให้กับเจ้าหนี้ภายใน 90 วัน หลังจากวันลงนามในสัญญา เพื่อแลกกับการปรับลดเงินต้นในอัตราประมาณ 27% ส่วนภาระหนี้ที่เหลืออีก 700 ล้านบาท เจ้าหนี้ตกลงยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปเป็นระยะเวลา 10 ปี"
นายประเสริฐ เอื้อกมลสุโข ผู้อำนวยการฝ่ายปรับโครงสร้างกิจการ 1 บรรษัทบริหาร สินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า "การปรับลดหนี้เงินต้นให้กับยูเอ็มไอในสัดส่วน 27% นั้น เพื่อให้ภาระหนี้คงเหลือสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็เพื่อให้บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และอยู่ในสถานะที่ระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตต่อไปได้ในอนาคต เพราะถ้าหากมีการขยายกำลังการผลิตดังกล่าวจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นความต้องการสินค้าของบริษัทในปัจจุบันกระเตื้องขึ้นจากในอดีตค่อนข้างมากเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการปล่อยสินเชื่อเงินกู้จากสถาบันการเงินทำให้ผู้บริโภคเกิดความคล่องตัวในการซื้อและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีต อย่างไรก็ตาม หลังจากข้อตกลงในครั้งนี้เสร็จสิ้น เจ้าหนี้จะได้รับชำระเงินสดทันทีจำนวน 200 ล้านบาท จากเงินสดที่อยู่ในบัญชีของบริษัท พร้อมทั้งได้รับชำระหนี้อีก 160 ล้านบาทเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพที่มีอายุ 5 ปี ซึ่งสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทได้ในราคาพาร์ และในอนาคตหากบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี เจ้าหนี้จะได้รับชำระเงินเพิ่มขึ้นจากการแปลงสภาพหุ้นกู้ให้เป็นหุ้นสามัญ"
สำหรับหุ้นกู้แปลงสภาพอายุ 5 ปี จำนวน 160 ล้านบาท นั้น มูลค่าที่ตราไว้ฉบับละ 1,000 บาท หรือเท่ากับจำนวนรวม 160,000 ฉบับ อัตราดอกเบี้ย MLR-1% ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน อัตราส่วนการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของยูเอ็มไอเท่ากับ 1 หุ้นกู้แปลงสภาพต่อ 100 หุ้นสามัญ หรือ เท่ากับแปลงในราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท นอกจากนี้ เจ้าหนี้ทั้ง 2 รายคือ บสท. และทิสโก้ ตกลงที่จะให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อคืนได้จำนวน 40% หรือ 64,000 ฉบับ โดยแบ่งเป็น 2 ราคาคือ จำนวน 32,000 ฉบับ สามารถซื้อคืนได้ในราคาฉบับละ 1,000 บาท บวกดอกเบี้ยค้างรับนับจากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายจนถึงวันใช้สิทธิ ส่วนที่เหลืออีก 32,000 ฉบับ สามารถซื้อคืนได้ในราคาฉบับละ 1,500 บาท บวกดอกเบี้ยค้างรับนับจากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายจนถึงวันใช้สิทธิ
"ภายหลังการปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทมีแผนการนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่มีอยู่ 498.8 ล้านบาท มาล้างยอดขาดทุนสะสมที่มีอยู่ซึ่งเมื่อรวมกับภาระหนี้ที่เจ้าหนี้ปรับลดให้ จะทำให้ยอดขาดทุนสะสมหมดไป และส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวกถึงกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน ลดลงเหลือเพียงประมาณ 1.2 เท่า ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยลดลงจากปีละกว่า 226 ล้านบาท ในปี 2545 เหลือเพียงประมาณ 40-45 ล้านบาทต่อปี" นายประเสริฐ กล่าวสรุป
ทางด้านนางสาวปวีณา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ "ยูเอ็มไอ" กล่าวว่า "สหโมเสคอุตสาหกรรม เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องโมเสก กระเบื้องเซรามิคปูพื้นและบุผนังรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ เป็นธุรกิจของคนไทยที่มีการจ้างแรงงานสูง และสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตในต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัญหาที่ผ่านมาเกิดขึ้นเนื่องจากภาวะซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงได้รับผลกระทบขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ"
"ทั้งนี้ จากความตั้งใจจริงในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งในด้านการตลาดและผลิตภัณฑ์ การคิดค้นรูปแบบและลวดลายกระเบื้อง การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต โดยสามารถยกระดับขีดความสามารถการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 การพัฒนาบุคลากรในด้านการขายและการผลิต และการรักษาและลดต้นทุน ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการชำระหนี้เงินกู้ให้กับเจ้าหนี้นั้น ทำให้บสท. และเงินทุนทิสโก้ ไว้วางใจและอนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้อย่างเป็น ทางการในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้ ยูเอ็มไอ จะมีแผนงานในการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดที่มีการเติบโตมากขึ้น หลังจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว ซึ่งฐานตลาดของยูเอ็มไอ จะเป็นตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยได้ตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับปี 2546 มูลค่า 2,200 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 15 และคาดการณ์ว่าภาพรวมของธุรกิจน่าจะมีแนวโน้มการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 10" นางสาวปวีณา กล่าวสรุป
บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ ยูเอ็มไอ เป็นผู้ผลิตกระเบื้องโมเสก "ยูเอ็มไอ" กระเบื้องเซรามิคปูพื้น "ดูราเกรส" และกระเบื้องบุผนัง "ลีลา" มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 320 ล้านบาท มีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน 2 แห่ง คือ บสท. กับทิสโก้ เฉพาะเงินต้น รวม 1,468 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างจ่ายจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2546 ตามบัญชีประมาณ 672 ล้านบาท
บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)เกษร ผดุงศักดิ์โทรศัพท์ 0-2248-7007-65 ต่อ 749
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
สำนักงานองค์กรสัมพันธ์
โทรศัพท์ 0-2357-1503-5--จบ--
-รก-