กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บริษัท ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ จำกัด ปรับโครงสร้างธุรกิจ ครั้งใหญ่ จาก"ผู้รวบรวมและติดตั้งระบบ" (A Systems Integrator) สู่ "ผู้นำด้านการวางระบบไอที ครบวงจร" (A Consulting and IT Services Company) รองรับรูปแบบธุรกิจใหม่ขององค์กรที่ขยาย บทบาทสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านกระบวนการทางธุรกิจ นอกเหนือจากความแข็งแกร่งด้านการวางระบบ ไอทีครบวงจรในเมืองไทยมานานกว่า 2 ทศวรรษ พร้อมเดินหน้าสร้างทีมงานและบุคลากรชาวไทยที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ ทั้งด้านที่ปรึกษาธุรกิจและระบบไอทีที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าบริษัทชั้นนำ ระดับโลก
ทีมผู้บริหาร ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ นำทีมโดยนายอัศวิน วราทร นายชาย แต่บรรพกุล และ นายวันชัย หุตะภิญโญ ร่วมแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ถึงการปรับโครงสร้างองค์กรและรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยนายอัศวิน วราทร กรรมการบริหาร ได้ให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของทีมงานและโครงสร้างธุรกิจ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในแง่ของระบบธุรกิจ (Business Process) และระบบไอทีขององค์กร (IT System) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจและโลกไร้พรมแดน เป็นแรงผลักดันสำคัญให้องค์กรยุคใหม่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
"แต่เดิม เอสไอ (SI: Systems Integrator) มีบทบาทเพียงแค่รวบรวมและติดตั้งโซลูชั่นที่ลูกค้าต้องการ แต่ไม่ได้มองว่าระบบไอทีที่ติดตั้งไปนั้นจะสามารถรองรับเป้าหมายและรูปแบบการดำเนินงานขององค์กรในภาพรวมได้อย่างไร ในขณะที่โครงสร้างใหม่ของ ที.เอ็น.ฯ ที่เป็น Consulting and IT Services Company นั้นได้ผนึกทักษะและความเชี่ยวชาญทั้งด้านที่ปรึกษาธุรกิจและระบบไอทีควบคู่กัน" นายอัศวิน วราทรกล่าว
ด้านนายชาย แต่บรรพกุล กรรมการบริหาร กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีความพร้อมสูงสุดในการให้บริการครบวงจรกับลูกค้า นับตั้งแต่การวิเคราะห์และให้คำปรึกษาด้านกระบวนการทางธุรกิจขององค์กร (Business Consultancy) การจัดหาโซลูชั่นไอทีที่เหมาะสม กลยุทธ์การติดตั้งระบบให้ประสบความสำเร็จ ไปจนถึงการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) ภายในองค์กร หลังจากเปิดใช้งานระบบ ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดสัมมนา ฝึกอบรมผู้บริหารและพนักงาน และการจัดทำแคมเปญและกิจกรรมการสื่อสารรูปแบบต่างๆ รวมทั้งบริษัทฯ ยังให้บริการและสนับสนุนหลังการขายผ่านศูนย์บริการลูกค้าที่มีอยู่ 22 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าสามารถนำระบบไอทีไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
"เราเป็นที่ปรึกษาของคนไทยที่เข้าใจธุรกิจของคนไทย รวมทั้งเข้าใจธรรมชาติและวัฒนธรรมองค์กรที่ชาวต่างชาติเข้าไม่ถึง เป้าหมายของเราคือให้บริการครบวงจรและติดตั้งระบบให้เกิดผลสำเร็จ ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมองค์กรไทยกับเทคโนโลยีด้านสารสนเทศที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงและไม่เคยหยุดนิ่ง" นายชาย แต่บรรพกุล กล่าวย้ำ
สำหรับโครงสร้างธุรกิจในปัจจุบันของ ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ นายวันชัย หุตะภิญโญ ผู้จัดการทั่วไป อธิบายว่าประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจหลักคือ กลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน (Finance & Banking)โดยมีระบบ Core Banking System เป็นโซลูชั่นหลัก อีกกลุ่มธุรกิจหนึ่งคือ บริการที่ปรึกษาและวางระบบคอมพิวเตอร์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise Systems) ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์ด้านการบริหารทรัพยากรองค์กร (ERP: Enterprise Resource Planning) ของเอสเอพี (SAP) เป็นโซลูชั่นหลัก ซึ่งครอบคลุมถึงระบบงานย่อยต่างๆ มากมาย เช่น ระบบบัญชีและการเงิน (Accounting and Finance) ระบบบริหารงานบุคคล (Human Resource) ระบบบริหารคลังสินค้า (Inventory) ระบบจัดการและประมวลผลเอกสาร (Document Processing) ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM:Customer Relationship Management) และระบบจัดซื้อทางอิเล็คทรอนิกส์ (e-Procurement) เป็นต้น
นอกจากนี้ ที.เอ็น.ฯ ยังมีกลุ่มธุรกิจสนับสนุน ITS (Information Technology Services) ซึ่งดูแลงาน ด้านการสนับสนุนและบริการหลังการขายให้กับลูกค้า โดยในปัจจุบัน เรามีศูนย์บริการที่ได้รับมาตรฐานISO 9001 เวอร์ชั่น 2000 ถึง 22 แห่งทั่วประเทศ
"ที.เอ็น.ฯ มีรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจเอสไอ เรามีประสบการณ์ด้านการจัดหา ติดตั้ง และบริหารโครงการคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ให้กับหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน มานานกว่าสองทศวรรษ เมื่อผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญ และความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทางธุรกิจของลูกค้า ด้วยทีมงานระดับมืออาชีพ เราจึงเชื่อมั่นว่า บริการและโซลูชั่นที่เราเสนอจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับมือกับกระแสการแข่งขันแบบเปิดเสรีได้อย่างทันท่วงที โดยมีระบบไอทีเป็นหนึ่งในปัจจัยสู่ความสำเร็จ" นายวันชัยกล่าวและย้ำว่า
หัวใจหลักของ ที.เอ็น.ฯ อยู่ที่การสร้าง "คน" ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ที.เอ็นฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการวางระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่หลายโครงการ และได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ มีพนักงานราว 400 คน ผลประกอบการในปี 2545-46 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท
ในรอบสิบปีที่ผ่านมา บริษัทที.เอ็น.ฯ ถือว่าเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่วางระบบซอฟต์แวร์เอสเอพีมากที่สุดในประเทศไทย โดยได้วางระบบเอสเอพีให้กับองค์กรของรัฐหลายแห่ง อาทิ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และล่าสุดคือธนาคารแห่งประเทศไทย
นอกเหนือจากระบบเอสเอพี ที.เอ็น.ฯ ยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระบบ Core Banking System ซึ่งเป็นโซลูชั่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่ต้องการของธนาคาร เพื่อรองรับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากกระแสการเปิดเสรีทางด้านการเงิน โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับซานเชส คอมพิวเตอร์ แอสโซซิเอทส์ อิ๊งค์ (Sanchez Computer Associates Inc.) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์โพรไฟล์ (Profileโ) และบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจแบริ่งพอยท์ (BearingPoint) ซึ่งเป็นบริษัทที่แยกตัวจากบริษัท ที่ปรึกษาจากเคพีเอ็มจี (KPMG) โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ที.เอ็น.ฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้วางระบบไอทีในโครงการ Core Banking System มูลค่า 1,600 ล้านบาท ของธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงภายในสิ้นปี 2546 นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
กมลมาศ จิตต์ขันติวงศ์ หรือ สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์
โทร. 0 2252 9871--จบ--
-รก-