กรมอนามัยแนะพ่อแม่เตรียมอาหารเช้าสร้างสุขภาพดีให้ลูกรับเปิดเทอม

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--กรมอนามัย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงใยสุขภาพวัยเรียนช่วงเปิดเทอม แนะผู้ปกครอง ต้องให้ความสำคัญกับอาหารเช้าสำหรับลูกอย่างง่าย แต่ได้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ และหลากหลาย อันจะช่วยเพิ่มสมาธิและบำรุงสมอง ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการเรียนที่ดีตามมา แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงความสำคัญของการเตรียมอาหารเช้าให้ลูกว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปิดเทอม หลาย ๆ ครอบครัวต้องเร่งรีบออกจากบ้านจนไม่มีเวลาเตรียมอาหารเช้าให้ลูกรับประทานก่อนไปโรงเรียน โดยคาดหวังให้ลูกไปซื้ออาหารรับประทานที่โรงเรียน ซึ่งบางครั้งเด็ก ๆ อาจไม่ได้สนใจที่จะรับประทานอาหารเช้า ทั้ง ๆ ที่เด็กวัยนี้เป็นวัยที่มีความต้องการพลังงานและสารอาหารที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามจากผลการวิจัยของนักวิชาการด้านอาหารและการแพทย์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอาหารเช้ากับสุขภาพในวัยเรียนพบว่า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะช่วงระยะเวลาระหว่างอาหารเย็นถึงเช้าแม้จะเป็นช่วงที่เรานอนหลับพักผ่อน ร่างกายก็ยังคงเผาผลาญสารอาหารตามปกติ ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง หากเด็กไม่รับประทานอาหารเช้าเพิ่มเข้าไป ร่างกายจะไปดึงสารอาหารสะสมสำรองในยามจำเป็นมาใช้แทน ทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิด อารมณ์เสีย ไม่มีสมาธิในการเรียน อาจถึงขั้นหน้ามืดเป็นลมได้ เนื่องจากสมองได้รับน้ำตาลกลูโคสไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ แพทย์หญิงศิริพร กล่าวต่อไปว่า เพื่อช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติผู้ปกครองจึงควรเตรียมอาหารเช้าที่เหมาะสมในแต่ละวัน และให้ลูกได้รับประทานก่อนไปโรงเรียน ซึ่งอาหารเช้าที่ดีต้องประกอบด้วยอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ มีโปรตีนสูงพอควร โดยอาจจะเตรียมอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ เช่น อาหารจานเดียว ข้าวต้มหมู หรืออาจเป็นขนมปังแซนด์วิชพร้อมนมและผลไม้ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่และหลากหลายเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อันจะช่วยเพิ่มพลังงาน เพิ่มความสามารถในเรื่องการมีสมาธิ การจดจำ ทำให้มีประสิทธิภาพการเรียนรู้และประกอบกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานตลอดทั้งวันได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยแบ่งพลังงานที่ต้องการในหนึ่งวันทำให้กระเพาะอาหารสามารถแบ่งการทำงานได้อย่างถูกต้องด้วย "แม้ว่าอาหารเช้าจะเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด แต่มื้อกลางวันและมื้อเย็นก็ยังคงมีความสำคัญ ไม่แพ้กัน ดังนั้น หากผู้ปกครองอยากให้ลูกมีผลการเรียนที่ดีควบคู่กับการมีสุขภาพแข็งแรง จึงควรให้ลูกได้รับประทานอาหารครบทั้ง 3 มื้อ โดยไม่ขาดมื้อใดมื้อหนึ่งในแต่ละวัน พร้อมทั้งให้เด็กได้มีการพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปโรงเรียนด้วยความสดชื่น แจ่มใส ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ดีตามมา" รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด--จบ-- -นห-

• ข่าวกระทรวงสาธารณสุข
• ข่าวศิริพร กัญชนะ
• ข่าวกระทรวงสาธารณ
• ข่าวกรมอนามัย
• ข่าวสาธารณสุข