บีโอไอรุกโรดโชว์ฝรั่งเศสหวังดึงอุตสาหกรรมแฟชั่น-ยานยนต์มาลงทุนไทย

04 Nov 2003

กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--บีโอไอ

บีโอไอเตรียมเดินทางไปชักจูงการลงทุนด้านยานยนต์และแฟชั่น ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง 4-6 พฤศจิกายน 2546 ในโอกาสเดียวกันจะลงนามบันทึกความร่วมมือกับธนาคาร BNP PARIBAS ธนาคารอันดับ 1 ของยุโรป ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนแนะนำลูกค้าของธนาคารให้มาลงทุนในประเทศไทย

นายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2546 นี้ บีโอไอจะนำคณะผู้แทนการลงทุนไทยเดินทางไปชักจูงการลงทุนในประเทศฝรั่งเศส โดยในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2546 บีโอไอจะจัดการสัมมนาเรื่อง Thailand : Return of the Growth ร่วมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งกรุงปารีส ณ สำนักงานใหญ่ธนาคาร BNP PARIBAS ประเทศฝรั่งเศส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และแฟชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ฝรั่งเศสมีศักยภาพสูง โดยได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและนักธุรกิจฝรั่งเศสที่ลงทุนในไทย ไปร่วมบรรยายเพื่อชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนโอกาสและลู่ทางการลงทุนในไทย ได้แก่ นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้บริหารของ บริษัท Saint-Gobain Vitrage และกลุ่มมิชลิน สยาม เป็นต้น

โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น จะชี้ให้เห็นว่ายังมีโอกาสการลงทุนอีกมาก เพราะในปี 2545 ต่อเนื่องมาถึง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการผลิตรถยนต์มีอัตราการเติบโตมากกว่า 30% และประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็น "ดีทรอยแห่งเอเชีย" ส่วนด้านอุตสาหกรรมแฟชั่น ไทยเป็นผู้ส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปอันดับที่ 13 และเป็นศูนย์ด้านกลางการเจียระไนเพชรที่ใหญ่เป็นอันดับ 5

โดยรัฐบาลกำลังผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของเอเชียอยู่ในขณะนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทฝรั่งเศสจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นอกจากนี้ บีโอไอจะลงนามบันทึกความเข้าใจกับธนาคาร BNP PARIBAS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างบีโอไอกับธนาคาร BNP PARIBAS ของฝรั่งเศส เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากประเทศฝรั่งเศส โดยจะร่วมมือในด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกระหว่างกัน การให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าธนาคารที่มีความสนใจลงทุนในประเทศไทย และจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน เช่น การจัดมิชชั่นด้านการลงทุนจากฝรั่งเศสมาไทยและจากไทยไปฝรั่งเศส เป็นต้น

ธนาคาร BNP PARIBAS เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสถาบันการเงินชั้นนำในยุโรปและอเมริกา และก้าวขึ้นเป็นธนาคารอันดับ 1 ในยุโรป โดยในปี 2454 มีกำไร 16.8 พันล้านยูโร ปัจจุบัน BNP PARIBAS ดำเนินกิจการอยู่มากกว่า 85 ประเทศ และมีพนักงานจำนวน 87,700 คนในจำนวนนี้ เป็นพนักงานอยู่ในยุโรปจำนวน 66,000 คน โดยการลงนามครั้งนี้ ถือเป็นการลงนามความร่วมมือกับธนาคารยุโรปเป็นแห่งที่ 3 หลังจากที่บีโอไอได้ลงนามลักษณะดียวกันกับธนาคารเครดิต อะกริกอล อินโดสุเอส ของฝรั่งเศส เมื่อเดือนกรกฏาคม 2545 และ ธนาคาร RZB ของออสเตรีย เมื่อเดือนมกราคม 2546

"การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างเครือข่ายชักจูงการลงทุนจากยุโรปมายังประเทศไทย เพราะในระยะยาวบริษัทจากฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากเงินสกุลยูโรแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ความสามารถของบริษัทยุโรปลดลง ทำให้นักลงทุนต้องการลดต้นทุนการผลิตโดยมองหาแหล่งลงทุนที่มีต้นทุนต่ำในเอเซีย รวมทั้งประเทศไทย" นายสมพงษ์กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา บีโอไอได้สร้างเครือข่ายด้านการลงทุนกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด 4 กลุ่มแรกของญี่ปุ่น อันประกอบด้วย ธนาคาร UFJ ธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ ธนาคารมิซูโฮะ และธนาคารซูมิโตโม-มิตซุย ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกลุ่มธนาคารทั้งหมด ในการชักจูงนักลงทุนญี่ปุ่นมาไทย โดยการจัดสัมมนา และการให้คำแนะนำนักธุรกิจและลูกค้าของธนาคารต่างๆ ในเรื่องการลงทุนในประเทศไทย--จบ--

-พห-