กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--แอมเวย์ (ประเทศไทย)
อัลติคอร์ อิงค์ แถลงผลประกอบการของบริษัทในเครือประจำปีบัญชี 2546 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2546) กวาดยอดขายทะลุเป้า 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.95 แสนล้านบาท) สูงกว่าปีก่อนกว่าร้อยละ 9 ทำสถิติมีอัตราเติบโตและกำไรเพิ่มต่อเนื่องสี่ปีซ้อน แอมเวย์ยืนหยัดรั้งตำแหน่งผู้นำธุรกิจขายตรงโลกที่ทำรายได้ยอดเยี่ยม
นายสตีฟ แวน แอนเดล ประธานบริษัท อัลติคอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของอัลติคอร์ อิงค์ ในปีบัญชี 2546 (1 กันยายน 2545 - 31 สิงหาคม 2546) ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดขาย ทั่วโลกถึง 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.95 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ9 นับเป็นปีที่เยี่ยมยอดของบริษัทอีกปีหนึ่ง อัลติคอร์แข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความมุ่งมั่นและความพยายามของนักธุรกิจแอมเวย์ทั่วโลกกว่า 3.6 ล้านคน ผนวกกับความร่วมมือร่วมใจกันในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างแท้จริง รวมทั้งการเป็นนักธุรกิจแอมเวย์มืออาชีพที่ให้บริการแก่ลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับสามารถทำสถิติยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นติดต่อกันถึงสี่ปีซ้อน
"แอมเวย์สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งอีกครั้งทั้งในตลาดเกิดใหม่และตลาดเดิม โดยตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงในด้านสินค้าคุณภาพและแบรนด์ของการสร้างโอกาสทางธุรกิจขายตรงที่น่าดึงดูดใจ" นายสตีฟกล่าว
นายดั๊ก เดอโวส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อัลติคอร์ อิงค์ กล่าวว่า "พนักงานของบริษัทจำนวนกว่า 11,000 คนทั่วโลก ทำงานกันอย่างหนักเพื่อสร้างการเติบโตแก่ธุรกิจ เราภูมิใจผลประกอบการปีนี้อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจซบเซาซึ่งธุรกิจต่างๆล้วนต้องแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด"
นายดั๊กกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความโดดเด่นของบริษัทในเครืออัลติคอร์ปีนี้ได้แก่ ศักยภาพการเติบโตอันแข็งแกร่งของตลาดเอเชียซึ่งเกิดจากแอมเวย์ คอร์ปอเรชั่นและประเทศสาขา โดยเฉพาะแอมเวย์ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน และไทย ล้วนสร้างสถิติมีผลประกอบการประจำปีสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการมาเป็นประวัติการณ์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เรายังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมขายตรงในตลาดระดับโลกไว้ได้อย่างมั่นคง ซึ่งปัจจุบันตลาดขายตรงโลกมียอดขายรวมอยู่ที่ 85 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท
"นอกจากนั้น ผลประกอบการในตลาดแอมเวย์เอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และไทย ยังคงเป็นตลาดที่มียอดขายสูงในลำดับแรกๆ ซึ่งล้วนเป็นตลาดที่เปิดดำเนินการธุรกิจแอมเวย์มานานโดยเฉลี่ยกว่า 18 ปี สำหรับภาคพื้นยุโรป ได้แก่ กรีซ ฮังการี โรมาเนีย สแกนดิเนเวีย และตุรกี ปีนี้สามารถสร้างยอดขายสูงสุดได้เช่นกัน นอกจากนั้นเรายังเตรียมเปิดดำเนินการแอมเวย์ในยูเครนภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะเดียวกันก็เพิ่มการลงทุนในจีนอีก 120 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเสริมศักยภาพด้านการผลิตและจัดจำหน่าย คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 220 ล้านเหรียญสหรัฐ" นายดั๊กกล่าว
นายดั๊กกล่าวเพิ่มเติมว่า "ความโดดเด่นของผลประกอบการในปีนี้อีกประการหนึ่งได้แก่ การดำเนินธุรกิจควิกสตาร์บนเว็บไซต์ในอเมริกาเหนือ เป็นอีกกิจการที่สามารถสร้างผลประกอบการได้ดีด้วยยอดขายเกินกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2542 รูปแบบธุรกิจของ ควิกสตาร์ทำให้เกิดการรวมตัวกันของระบบอินเทอร์เน็ต ผู้คน ข้อมูลการค้า และโอกาสการเป็นเจ้าของธุรกิจอิสระ การซื้อขายสินค้าทางเว็บไซต์ที่เป็นการติดต่อกันแบบบุคคลต่อบุคคลของนักธุรกิจแอมเวย์นำธุรกิจนี้ขึ้นสู่จุดสุดยอด ยอดขายของควิกสตาร์คือความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเป็นเกียรติประวัติสูงสุดเมื่อเทียบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ชที่ก่อตั้งในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งแอมเวย์และควิกสตาร์ยังคงยืนหยัดเน้นสินค้าเพื่อความงามและสินค้าเพื่อสุขภาพ ภายใต้ตราสินค้า "อาร์ทิสทรี" และ "นิวทริไลท์" ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งและสร้างรายได้รวมกันกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายของอัลติคอร์ทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา"
"นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจของแอ็คเซส บิสซิเนส กรุ๊ป (Access Business Group)ในเครืออัลติคอร์อีกหนึ่งแห่งที่เป็นผู้ผลิตและบริการขนส่งสินค้า สามารถสร้างรายได้ถึง 79 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าร้อยละ 25 ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการของบริษัทในเครือแอ็คเซสไม่นับรวมกับรายได้ของอัลติคอร์ทั่วโลก" นายดั๊กกล่าวในที่สุด
นายสตีฟกล่าวอีกว่า ในปีนี้ อัลติคอร์ยังได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท อินเตอร์ลูคิน เจเนติคส์ แอลแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยี จำนวน 50.3 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าการเข้าร่วมพันธมิตรครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจของอัลติคอร์สามารถอาศัยความชำนาญและทรัพย์สินทางปัญญาทางด้านพันธุศาสตร์ของอินเตอร์ลูคินในการพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแตกต่างจากคู่แข่งขัน และเป็นสินค้าที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจอื่นที่สร้างชื่อให้กับ อัลติคอร์ เช่น โรงแรมแอมเวย์แกรนด์พลาซา ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับสี่ดาว เกรด AAA ที่ไต่อันดับขึ้นสู่โรงแรมระดับห้าดาว เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในรัฐมิชิแกน ด้วยผลงานของภัตตาคารชั้นเลิศที่ชื่อว่า "เดอะ ไนทีน เธอทีน รูม" (The 1913 Room)
"และกิจกรรมสำคัญอีกโครงการหนึ่งที่อัลติคอร์เป็นผู้สนับสนุนในช่วงปีที่ผ่านมา คือ One By One โครงการรณรงค์เพื่อเด็ก โดยได้สนับสนุนและบริจาคเงินเพื่อช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเยาว-ชนผู้ด้อยโอกาส กำพร้าหรือพิการ จำนวนกว่าหนึ่งล้านคนผ่านประเทศสาขาของแอมเวย์ทั่วโลก" นายสตีฟกล่าวในที่สุด
ด้านนายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับแอมเวย์ ประเทศไทย ในปีบัญชี 2546 มียอดขายกว่า 7,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปีที่แล้ว และเป็นสถิติการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่งในรอบ 16 ปีนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ หลังจากสร้างสถิติเติบโตสูงสุดเป็นครั้งแรกเมื่อปีกลาย โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอาร์ทิสทรีและนิวทริไลท์ เป็นสินค้าสร้างรายได้หลักด้วยยอดจำหน่าย 2,000 ล้านบาทและ 1,300 ล้านบาทตามลำดับ--จบ--
-สพ-