กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม เผยแผนยุทธศาสตร์ชาติหนุนเอสเอ็มอีไทย พัฒนาควบคู่กับ "คลัสเตอร์" หวังสร้างเครือข่ายดันธุรกิจไทยผงาดบนเวทีการค้าโลก ชี้ธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย
นายดำริ สุโขธนัง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการพัฒนาโครงการ "พันธมิตรอุตสาหกรรม" หรือ โครงการ "คลัสเตอร์" (Cluster Development Project) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมนั้น จัดได้ว่าเป็นการดำเนินงานที่สอดรับกับแผนแม่บทเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย (พ.ศ.2545-2549) ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ และสถาบันต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานพัฒนาเอสเอ็มอีไทย
"ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านเอสเอ็มอีขึ้นมาภายใต้แผนแม่บทเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย (พ.ศ.2545-2549) ซึ่งเชื่อมโยงกันทั้งหมด 3 ด้าน คือ หนึ่ง การฟื้นฟูเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสภาพคล่อง สอง การทำให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานและบริการรัฐ ซึ่งจะเชื่อมโยงความร่วมมือกับหลายหน่วยงานในหลายกระทรวงและสาม การเสริมสร้างเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผู้ประกอบการใหม่
ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ก็ได้ดำเนินงานโครงการ "พันธมิตรอุตสาหกรรม" หรือ "คลัสเตอร์" ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ในด้านเอสเอ็มอี จึงนับว่าเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้เอสเอ็มอีไทย โดยกรมฯ สวมบทบาทหลักเป็นหน่วยงานที่ทำให้ผู้ประกอบการ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในประโยชน์ของคลัสเตอร์ รวมทั้งกระตุ้นให้มีการพัฒนาแนวคิดไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มพันธมิตรทางการค้าในกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจของไทยเอง และระหว่างผู้ประกอบการวิสาหกิจของไทยกับต่างประเทศ"
ทั้งนี้ โครงการ "พันธมิตรอุตสาหกรรม" หรือ "คลัสเตอร์" ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลเองมีมติคณะรัฐมนตรีปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาของ 4 กระทรวงนำร่องออกมา โดยมี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกระทรวงที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการ คือกระทรวงอุตสาหกรรม โดยยุทธศาสตร์หลักจะเน้นที่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ และแบ่งเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนซึ่งเน้นในเรื่องของประเภท และบริษัทประกอบการเป็นหลัก
"การพัฒนาโครงการ "คลัสเตอร์" เองก็มีการดำเนินงานสอดรับไปในแนวทางเดียวกัน ดูจากผลสำเร็จในเบื้องต้นของการรวมกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมในโครงการ "คลัสเตอร์" นำร่องที่ผ่านมา อาทิ "คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสิ่งทอ จังหวัดชัยภูมิ" ที่ปัจจุบันมีการประกาศยุทธศาสตร์ให้จังหวัดชัยภูมิเป็นเขตส่งเสริมพิเศษด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ พร้อมสร้างความตื่นตัวให้แก่ผู้ประกอบการในจังหวัดชัยภูมิด้วยการแต่งตั้งคณะทำงานกำหนดเขตส่งเสริมพิเศษอุตสาหกรรมสิ่งทอจังหวัดชัยภูมิ" รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
นอกจากนี้ โครงการ "คลัสเตอร์" ยังช่วยสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้เกิดขึ้นภายในกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสิ่งทอ ด้วยจำนวนสมาชิกคลัสเตอร์ที่มีมากกว่า 20 โรงงาน โดยหากมียอดสั่งสินค้าเข้ามามากจนเกินกำลังผลิต ภายในกลุ่มก็จะมีการกระจาย รายได้ด้วยการแชร์ออเดอร์สินค้าระหว่างสมาชิกกันเอง รวมทั้งกลุ่มคลัสเตอร์แปรรูปอาหารที่ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิม 50 รายเป็นกว่า 100 ราย จึงนับเป็นความสำเร็จของโครงการที่สามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจได้มากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดอำนาจ ในการต่อรองสินค้า และช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ดีอีกด้วย
"เท่ากับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้มีการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพและเพิ่มผลผลิต การขนส่ง การรับรองมาตรฐาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงนับว่าคลัสเตอร์เป็นอีกหนึ่งกำลังที่ดำเนินงานสอดรับกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของภาครัฐมาโดยตลอด" รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวทิ้งท้าย
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สุปรียา ปิ่นเกตุ โทร. 0 2663 3226-9 ต่อ 32 หรือ 0 1255 9522--จบ--
-กภ-