บอร์ดบีโอไอเห็นชอบให้เพิ่มอุตสาหกรรม ด้านพลังงานเป็นอีก 1 อุตสาหกรรมเป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุน จากเดิมที่มี 5 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยจะพิจารณาเสนอมาตรการส่งเสริมเพิ่มเติมต่อไป หลังจากที่ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานไปเมื่อเดือนกันยายน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมด้านพลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และปัญหาเรื่องการจัดหาพลังงานมีความรุนแรงมากขึ้น จึงได้กำหนดให้อุตสาหกรรมด้านพลังงานเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในการชักจูงการลงทุนเชิงรุก โดยบีโอไอจะพิจารณานำเสนอมาตรการส่งเสริมเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศเพิ่มเติมต่อไป
ก่อนหน้านี้ บีโอไอได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงาน เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศได้ ทั้งในเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน อันประกอบไปด้วย 1.การปรับให้สิทธิประโยชน์สูงสุด โดยไม่จำกัดวงเงินภาษีแก่กิจการผลิตเอธานอล ก๊าซชีวภาพ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ 2. การเปิดประเภทกิจการที่จะให้ส่งเสริมการลงทุนเพิ่มอีก 2 ประเภท คือ
(1.) กิจการผลิตเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน หรืออุปกรณ์ซึ่งใช้พลังงานทดแทน
( 2. ) กิจการบริการด้านการจัดการพลังงาน (Energy Service Company-ESCO) ซึ่งเป็นผู้บริการที่จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมประหยัดพลังงานได้มากขึ้น โดยทั้ง 2 กิจการถือเป็นกิจการมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศเป็นพิเศษ จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดเช่นกัน ในการยกเว้นภาษีอากร ขาเข้าเครื่องจักรและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และไม่จำกัดวงเงินภาษี
นอกจากนี้ บีโอไอจะยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร สำหรับผู้ที่ได้รับส่งเสริมอยู่เดิมในทุกประเภทกิจการ ที่ต้องการนำเข้าเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่จะช่วยประหยัดพลังงานในโรงงาน สามารถยื่นขอนำเข้าเครื่องจักร แต่ทั้งนี้จะต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2548 และจะต้องมีการนำเข้าเครื่องจักรภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับการอนุมัติ
การกำหนดให้อุตสาหกรรมด้านพลังงานเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในครั้งนี้ ส่งผลให้ บีโอไอมีอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งหมด 6 กลุ่ม จากเดิมที่กำหนดไว้ 5 กลุ่ม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมแฟชั่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อุตสาหกรรมบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง--จบ--