เอดีบีร่วมกับไทยพาณิชย์และซิตี้กรุ๊ปออกพันธบัตรสกุลเงินบาทเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

19 May 2005

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ธนาคารพัฒนาเอเชีย

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้มีการออกพันธบัตรสกุลเงินบาทเป็นครั้งแรกในตลาดทุนในประเทศไทยมูลค่า 4 พันล้านบาท และชำระคืนเงินต้นครั้งเดียว โดยได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และซิตี้กรุ๊ป เป็นผู้จัดการการจำหน่าย

การออกพันธบัตรในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นการจัดออกพันธบัตรครั้งที่ 3 ของเอดีบีในภูมิภาคนี้ หลังจากที่ได้มีการออกพันธบัตรในอินเดีย และมาเลเซีย ในเดือนกุมภาพันธ์ และ พฤศจิกายน 2547 ตามลำดับ

พันธบัตรสกุลเงินบาทของเอดีบี ที่เสนอขายครั้งนี้มีมูลค่ารวม 4 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.87%ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยที่มีอายุ 5 ปี อยู่ 17 เบสิส พอยต์ (Basis Point) โดยก่อนหน้านี้ ผู้จัดการการจำหน่ายได้มีการบรรยายสรุปข้อมูล (Road Show) ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันก่อนที่จะมีการทำการออกพันธบัตรครั้งนี้

การออกพันธบัตรครั้งนี้ได้มีการกำหนดให้ผู้ลงทุนสถาบันแสดงความจำนงในการลงทุนผ่านกระบวนการ บุ๊คบิวดิ้ง (Bookbuilding) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 โดยผู้ลงทุนสถาบันแสดงความสนใจประมาณ 2 เท่าของ มูลค่าที่จัดออก โดยได้มีการจัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันทั้งที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม ธนาคาร นอกจากนี้ ยังมีผู้ลงทุนต่างประเทศที่ได้แสดงความสนใจในครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยได้มีการจัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนต่างประเทศเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่าที่จัดออกเท่านั้น

การออกพันธบัตรสกุลเงินบาทของเอดีบีในครั้งนี้เป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งแรกที่สำคัญหลายประการในตลาดทุนของไทย กล่าวคือ เป็นครั้งแรกที่ผู้ออกเป็นนิติบุคคลต่างประทศ เป็นครั้งแรกการออกพันธบัตรโดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เป็นครั้งแรกที่ผู้ออกได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด AAA จากสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างประเทศ โดย ฟิทชย์ (Fitch) มูดดี้ส์ (Moody’s) และ สแตนดารด์ แอนด์ พัวส์ (Standard & Poor’s)

“หลังจากที่เอดีบีได้มีการออกพันธบัตรในประเทศอินเดียและมาเลเซียปีที่แล้วนั้น การออกพันธบัตรสกุลเงินบาทครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงของเอดีบีที่จะพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาคนี้” รองประธาน เข็มเพ็ง พลเสนา (Khempheng Pholsena) กล่าว

“การออกพันธบัตรครั้งนี้ยังเน้นย้ำถึงความมั่นใจในตลาดทุนในประเทศไทย เอดีบีได้ร่วมมือกับหน่วยงาน ราชการที่เกี่ยวข้องในการสร้างกรอบการจัดออก เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นแนวทางในการจัดออกตราสารให้แก่นิติบุคคลต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

นอกจากนี้แล้ว การออกพันธบัตรครั้งนี้ได้ช่วยดึงดูดผู้ลงทุนต่างประเทศมายังตลาดทุนในประเทศไทย และยังจะช่วยปรับปรุงสภาพคล่องในตลาดสวอปสกุลเงินระหว่างประเทศอีกด้วย เอดีบีได้มีการดำเนินการธุรกรรมสวอปสกุลเงินบาทที่ได้จากกการออกพันธบัตรเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ

“เอดีบี ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการทำธุรกรรมครั้งนี้จนประสบความสำเร็จ เอดีบี มีความ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นผู้ออกพันธบัตรรายแรกในตลาดพันธบัตรในประเทศไทย” มิกิโอะ คาชิวะกิ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเงินของเอดีบี กล่าว

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่เป็นผู้นำในตลาดตราสารหนี้ ที่มีระบบเครือข่ายครอบคลุมที่กว้างขวางของผู้ลงทุนสถาบันและ ผู้ลงทุนรายย่อย กล่าวว่า " ธนาคารเป็นสถาบันการเงินหนึ่งที่ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ร่วมกับซิตี้กรุ๊ป ซึ่งจัดว่าเป็น 2 สถาบันแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการคัดเลือก ธนาคารมีความภาคภูมิใจในการเสนอพันธบัตรที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้ลงทุน และเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ออกพันธบัตรด้วย"

เจเรอมี่ เอมีเอส (Jeremy Amias) ผู้อำนวยการใหญ่ด้านตราสารหนี้ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (Global Fixed Income) กล่าวว่า "ธุรกรรมนี้เป็นการร่วมมือระหว่างซิตี้กรุ๊ป ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และเอดีบี ซิตี้กรุ๊ปมีความยินดีที่จะทำธุรกรรมนี้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นผลงานของการทำงานมานานกว่า 2 ปี ซึ่งธุรกรรมนี้เป็นการก้าวหน้าที่สำคัญในการพัฒนาตลาดหุ้นในประเทศไทย และอยู่ภายใต้กรอบแผนการของ รัฐบาลและเอดีบีที่ได้มีการสรุปส่วนสำคัญไว้ใน การเริ่มดำเนินงานตลาดพันธบัตรในเอเชีย (Asian Bond Market Initiative)”

เอดีบี มีเป้าหมายเพื่อลดความยากจนในเอเชียและภูมิภาคแปซิฟิกโดยการสนับสนุนการรักษาไว้ซึ่งการ เติบโตของเศรษฐกิจของคนยากจน การพัฒนาด้านสังคม และหลักธรรมาภิบาลที่ดี เอดีบีก่อตั้งขึ้นในปี 2509 และมีสมาชิกทั้งหมด 63 ราย ซึ่ง 45 รายมาจากภูมิภาคนี้

ด้วยความขอบคุณอย่างสูง : พจน์ ใจชาญสุขกิจ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พิเชษฐ์,เขมลักษณ์ โทร. 02-5444503--จบ--