เอ็ม.ซี.เอส.สตีล เชื่อมั่นในศักยภาพของ บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็งประกาศแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

23 Jun 2005

กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--กิมเอ็ง

บริษัท เอ็ม.ซี.เอส. สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่สำหรับการก่อสร้างอาคารสูงขนาดใหญ่ชั้นนำของประเทศ เชื่อมั่นในศักยภาพของ บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประกาศแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย สำหรับการเตรียมตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัท

บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ (Fabricated Steel) โดยมีความชำนาญพิเศษในด้านการผลิตโครงสร้างประเภทคาน (Beam) และเสา (Column-Box) สำหรับการก่อสร้างอาคารสูงขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดำเนินงานโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นและผู้บริหารมืออาชีพ ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ขยายฐานลูกค้า และเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัท ไอเอฟซีที แอดไวเซอรี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ดร.ไนยวน ชิ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทก่อตั้งในปี พ.ศ. 2535 ปัจจุบันประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงสร้างเหล็กที่นำมาใช้เป็นคาน (Beam) และโครงสร้างเหล็กที่นำมาใช้เป็นเสา (Column-Box) ที่มีความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าคอนกรีตเสริมเหล็ก อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาและขนาดเล็ก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โดยมีแผ่นเหล็กรีดร้อนคุณภาพสูง (Special hot rolled sheet) จากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีมาตรฐานสูงกว่ามาตรฐาน JASS 6 (Japanese Architectural Standard Specification) ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดตามกฏหมายของประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งได้การรับรองมาตรฐาน “H” class fabricator (ได้รับอนุมัติโดย Minister of Land, Infrastructure and Transportation of Japan) ที่ออกให้กับโรงงานผลิตโครงสร้างเหล็กที่ได้มาตรฐานดีเยี่ยมและสามารถส่งผลิตภัณฑ์ไปประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดแผ่นดินไหวสูงได้ อีกทั้งได้รับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) สำหรับการขึ้นรูปตัว H และ ระบบบริหารคุณภาพ ISO9001:2000 ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิต 40,000 ตันต่อปี โดยเป็นการผลิตตามลักษณะงานและตามความต้องการของลูกค้า โดยลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท คือ บริษัท คาจิมา คอร์ปอเรชั่น (Kajima Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ระดับ 1 ใน 5 ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับแนวโน้มของอุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างในญี่ปุ่นในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มที่จะยังคงมีความต้องการในระดับ 6-7 ล้านตันต่อปี ซึ่งผู้ผลิตต่างประเทศที่สามารถผลิตได้มาตรฐานตามเงื่อนไขของกฏหมายประเทศญี่ปุ่นที่เข้มงวดมีอยู่อย่างจำกัด ประกอบกับข้อได้เปรียบทางด้านต้นทุน จะช่วยสร้างโอกาสในการขยายตัวแก่ธุรกิจของบริษัทได้

บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตสินค้าเป็นปีละ 50,000 ตันต่อปีในปี 2549 เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิต“

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวเพิ่มเติมว่า ”บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) มีความโดดเด่นในฐานะเป็นผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กเพื่อการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น ตึกสูง โรงไฟฟ้า และสะพาน มีผู้ถือหุ้นและผู้บริหารมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี มีสัมพันธภาพที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ มีนโยบายที่เน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มั่นคง และมีเสถียรภาพ ด้วยโครงสร้างทางการเงินที่รองรับกับการขยายตัว บริษัทฯ มีโรงงานผลิตเหล็กจำนวน 7 โรงงาน คิดเป็นพื้นที่การผลิตทั้งสิ้น 35,000 ตร.ม. บนเนื้อที่ 215 ไร่ ณ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และบริษัทมีการพัฒนาความสามารถในการผลิตจนได้รับมาตรฐานต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเข้มงวดในเรื่องมาตรฐานคุณภาพ และได้ชื่อว่ามีความถี่ในการเกิดแผ่นดินไหวระดับต้น ๆ โดยเริ่มส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ปี 2540 และมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2547 มียอดขายกว่า 1,500 ล้านบาท โดยเป็นยอดส่งออกมากกว่า 90% การที่บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) ได้ตัดสินใจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มบริษัทที่มีคุณภาพให้กับตลาดทุนไทย โดยบริษัทเองเป็นบริษัทที่แข่งขันได้ในเวทีโลก และยังนำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างน่าภาคภูมิใจ จากการที่บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตต่างประเทศเพียงไม่กี่รายที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้ระดับมาตรฐานที่ประเทศญี่ปุ่นกำหนด ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจสูง ได้รับออร์เดอร์ล่วงหน้าเป็นปริมาณมาก สามารถมีขบวนการผลิตที่สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและเติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิในปี 2545-2547 จำนวน 12, 58 และ 130 ล้านบาทตามลำดับ เรามีความมั่นใจในศักยภาพของคณะผู้บริหารและทีมงาน และเชื่อว่าจะเป็นบริษัทที่น่าลงทุนและน่าสนใจเมื่อเปิดเสนอขายแก่ประชาชน โดยคาดว่าจะเสนอขายภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีจำนวนหุ้นที่เสนอขาย 125 ล้านหุ้น และมีอีก 15 ล้านหุ้นเป็นส่วนของกรีนชูออปชั่น”

ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

โทร. 02-658-6300 ต่อ 5180, 7401-7402--จบ--