กรุงไทยคาร์เร้นท์ เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจธุรกิจรถยนต์ให้เช่าเติบโตต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--โอเอซิส มีเดีย

กรุงไทยคาร์เร้นท์ เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในชื่อ KCAR ตั้งเป้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนพฤษภาคม พร้อมกระจายหุ้น 50 ล้านหุ้นให้นักลงทุน และประชาชนทั่วไป มั่นใจตลาดรถยนต์ให้เช่ายังขยายตัวต่อเนื่องตามกระแส Outsourcing โดยเฉพาะตลาดองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมนำเงินระดมทุนขยายกิจการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ด้านผลประกอบการสดใส ล่าสุดปี 47 มีรายได้รวม 538 ล้านบาท นายพิเทพ จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนงานที่จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนพฤษภาคม 2548 ในชื่อ KCAR โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 50 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายกับนักลงทุนและประชาชนจำนวน 50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 20% ของหุ้นทั้งหมด มีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาที่จะเสนอขายหุ้นเบื้องต้น (Initial Public Offering: IPO) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการกำหนดราคาร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินคือ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศราคา IPO ได้ในช่วงเดือนเมษายน 2548 สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินทุนที่ได้มาลงทุนในธุรกิจเพิ่ม และบางส่วนจะใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป โดยปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจรถยนต์ให้เช่า ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ รถยนต์ให้เช่าเพื่อการดำเนินงาน (Operating Lease) ซึ่งเป็นลักษณะการเช่าระยะยาวส่วนใหญ่จะทำสัญญาตั้งแต่ 1-3 ปี โดยลูกค้าส่วนมากจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการตัดภาระด้านการซ่อมบำรุงรถยนต์เป็นจำนวนมาก ส่วนประเภทที่สองคือ รถเช่าระยะสั้น (Short Term Rental) ซึ่งเป็นการให้เช่าทั่วไปสำหรับผู้ที่ต้องใช้งานในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ หรือ รายเดือน โดยปัจจุบันบริษัทฯมีรถยนต์ที่ให้บริการอยู่กับลูกค้ามากกว่า 2,800 คัน “จุดเด่นสำคัญของเราคือ มีรถยนต์ที่ให้บริการแก่ลูกค้าในปัจจุบันมากกว่า 2,800 คัน และสามารถให้บริการได้อย่างครบวงจรทั้งการเช่าระยะสั้น และระยะยาว พร้อมการให้บริการกับลูกค้าได้ทั่วประเทศ หากรถยนต์คันใดมีปัญหาก็สามารถเปลี่ยนคันใหม่ได้ทันที โดยสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าก็ให้การยอมรับ และได้รับความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) บริษัท ฟิลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่จะนิยมใช้วิธีเช่าเป็นหลัก เนื่องจากสามารถบริหารจัดการกับต้นทุนได้ง่าย และยังได้รับประโยชน์ทางด้านบัญชี และ ภาษีอีกด้วย” นายพิเทพ กล่าว นายพิเทพ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนงานต่อไป บริษัทฯ ยังคงเน้นเรื่องการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ครบวงจรมากขึ้น อาทิ การเพิ่มจำนวนศูนย์ให้บริการ และการเพิ่มจำนวนรถยนต์ให้มากขึ้น พร้อมการบริการอย่างครบวงจร รวมทั้งเพิ่มการบริการให้เช่าระยะสั้นแก่ลูกค้าประเภทนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และการให้เช่ารถเอนกประสงค์เพื่อใช้ในการเดินทางของผู้บริหารองค์กร ซึ่งการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะส่งผลให้บริษัทฯจะมีแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการขยายฐานการทำธุรกิจและพัฒนาองค์กรให้มีความมั่นคงต่อไปในอนาคต สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ณ ปี 2547 บริษัทฯ มีรายได้รวม 538 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 และปี 2545 ที่มีรายได้รวม 426 ล้านบาท และ 392 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิ ณ ปี 2547 รวม 138 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 และปี 2545 ที่มีกำไรสุทธิรวม 33 ล้านบาท และ 38 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่ในด้านของสินทรัพย์ บริษัทฯ มีสินทรัพย์ ณ ปี 2547 รวม 1,438 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 และ ปี 2545 ที่มีสินทรัพย์รวม 890 ล้านบาท และ 858 ล้านบาทตามลำดับ โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ที่มีไว้เพื่อให้เช่าสุทธิ 1,283 ล้านบาท 798 ล้านบาท และ 765 ล้านบาท ในปี 2547 ปี 2546 และปี 2545 ตามลำดับ และจำนวนรถที่ให้เช่า จำนวน 2,736 คัน 1,958 คัน และ 1,922 คันในปี 2547 ปี 2546 และปี 2545 ตามลำดับ ส่วนด้านหนี้สิน ณ ปี 2547 มีหนี้สินรวม 1,084 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 และปี 2545 ที่มีหนี้สินรวม 637 ล้านบาท และ 645 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ ปี 2547 รวม 354 ล้านบาท เทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2546 และ ปี 2545 รวม 250 ล้านบาท และ 213 ล้านบาท ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม / คุณชัชวาล ตรีเนตร บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4658-9, 0-2937-4735 Email : [email protected], [email protected]จบ--

ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีสวันนี้

JMART - JMT ควบสามดัชนีหลักต่อเนื่อง SET100 - SET ESG - SETHD ตอกย้ำศักยภาพการเติบโตยั่งยืน

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ยังคงสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าตำแหน่งในดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สำหรับรอบครึ่งปีหลังของปี 2568 (1 กรกฎาคม 31 ธันวาคม 2568) ได้แก่ SET100, SET ESG และ JMT ที่ได้รับคัดเลือกเข้า SETHD ต่อเนื่อง สะท้อนการเติบโตอย่างมีเป้าหมาย และความแข็งแกร่งทั้งในด้านผลประกอบการและธรรมาภิบาล โดย นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธาน

ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 4 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น TRITN

ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 4 ราย ได้แก่ (1) นายภสุ วชิรพงศ์ (2) นายวิชาญ วชิรพงศ์ (3) นายอัครรัฐ วรรณรัตน์ และ (4) นายนัธทวัฒน์ พิบูลย์ธนอมร กรณีสร้างราคาหุ้น บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง...

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ... บางจากฯ พื้นฐานแกร่ง หุ้น BCP ได้รับเลือกเป็นหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 — บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แ...

ก้าวสำคัญของ เทคลีด เอ็นพีเอ็น หรือ TL ใน... "TL" เขย่ากระดาน! เปิดโปรเจกต์เทคฯ แรก ทุ่มซื้อ "จียูเพย์" (GUPay) ลุย Payment Gateway เต็มตัว — ก้าวสำคัญของ เทคลีด เอ็นพีเอ็น หรือ TL ในการเข้าสู่ธุรกิจ...