ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของบมจ ปูนซิเมนต์ไทยและของบมจ เยื่อกระดาษสยามที่ ‘A+(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (“SCC”) และของบริษัท เยื่อกระดาษสยาม จำกัด (มหาชน) (“SPP”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCC ที่ ‘A+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ ฟิทช์ยังประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของทั้งสองบริษัทที่ ‘F1(tha)’ การประกาศคงอันดับเครดิตในครั้งนี้ได้ครอบคลุมถึงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ของ SCC และของ SPP ที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอน โดยหุ้นกู้ของ SPP ได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนจาก SCC ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ยังประกาศให้อันดับเครดิต ‘A+(tha)’ แก่หุ้นกู้ไม่มีหลักประกันไม่ด้อยสิทธิสามชุดใหม่ของ SCC (ครั้งที่ 1-3/2549) ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท โดยเงินที่ได้รับจากหุ้นกู้ชุดใหม่จะนำมาชำระคืนหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ อันดับเครดิตของ SCC สะท้อนถึงการที่บริษัทมีการกระจายตัวของรายได้ที่สูง ความเป็นผู้นำทางด้านส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจหลักและการที่บริษัทมีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มลูกค้า รวมถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดย SCC มีเป้าหมายที่จะรักษาระดับหนี้สินในระยะยาวให้อยู่ในระดับที่มีความคล่องตัวทางกางเงินที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ การที่ SCC มีความสามารถในการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ในประเทศที่สูงยังเป็นปัจจัยสนับสนุนความสามารถในการชำระหนี้และความคล่องตัวทางกางเงินของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ฟิทช์มองว่า SCC มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ต้นทุนด้านพลังงานอยู่ในระดับสูง รวมถึงการที่บริษัทประกอบกิจการในอุตสาหกรรมที่มีอุปทานส่วนเกินจำนวนมากและมีการแข่งขันที่รุนแรง ในขณะเดียวกัน SCC มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนทางด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับระดับหนี้สินเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยในปี 2548 SCC ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ารวมประมาณ 75 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทน่าจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (net debt to EBITDA) ที่ระดับ 2.0 ถึง 2.5 เท่าได้ ปัจจัยความเสี่ยงของบริษัทยังรวมถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน (Execution Risk) ที่สืบเนื่องมาจากการลงทุนใหม่และความเสี่ยงที่เกิดจากการที่ SCC มีการค้ำประกันหนี้ของบริษัทร่วม ในส่วนอันดับเครดิตของ SPP ได้มีการพิจารณาถึงจุดแข็งในด้านส่วนแบ่งตลาดและรูปแบบการผลิตที่ครบวงจรของบริษัท รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและการที่ SPP ได้รับการสนับสนุนและอยู่ภายใต้การจัดการของ SCC ในขณะเดียวกัน SPP มีความเสี่ยงที่เกิดจากการกระจายตัวของรายได้ที่ต่ำ การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเยื่อและผลิตภัณฑ์กระดาษ รวมถึงส่วนต่างกำไรที่ลดลง นอกจากนี้ SPP ยังมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนทางด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับระดับหนี้สินเพิ่มขึ้นในอนาคต ถึงแม้ว่าน่าจะยังสามารถรักษาให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มได้ หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2547 ผลประกอบการของ SCC ได้ปรับตัวลดลงในปี 2548 โดย EBITDA (ก่อนเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) และกำไรสุทธิลดลง 12% จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 43 พันล้านและ 32 พันล้านตามลำดับ เมื่อรวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม EBITDA ของกลุ่มในปี 2548 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท ลดลง 6% จากปี 2547 ในขณะที่ รายได้รวมมีการเพิ่มขึ้น ผลประกอบการในปี 2548 ได้รับผลกระทบจากส่วนต่างกำไรที่ลดลงในทุกธุรกิจหลัก อันเป็นผลมาจาก ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี การปิด naphtha cracker เป็นเวลา 35 วันเพื่อทำการบำรุงซ่อมแซมและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งส่งผลให้กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมีการปรับตัวลดลงของ EBITDA มากที่สุด ในขณะที่กลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์สามารถรักษาระดับ EBITDA ไว้ได้เนื่องจากส่วนต่างกำไรที่ลดลงได้ถูกชดเชยโดยยอดขายที่สูงขึ้นมาก ในส่วนของกลุ่มธุรกิจกระดาษ EBITDA มีการปรับตัวลดลงไม่มากนัก นอกจากผลการดำเนินงานที่ลดลง กำไรสุทธิของ SCC ยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายทางภาษีที่สูงขึ้นเนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีบางส่วนได้มีการหมดอายุลง ณ สิ้นปี 2548 ระดับหนี้สินสุทธิของกลุ่มอยู่ที่ 101 พันล้านบาทซึ่งค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยการลงทุนและการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นได้ถูกชดเชยโดยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง อัตราส่วน net debt to EBITDA ของ SCC เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.3 เท่า ณ สิ้นปี 2548 เมื่อรวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม SCC สามารถรักษาระดับอัตราส่วน net debt to EBITDA ที่ประมาณ 2.0 เท่าได้ ในขณะที่อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายยังคงแข็งแกร่งที่ 9 เท่า ถึงแม้ว่าบริษัทมีแผนการลงทุนและการจ่ายเงินปันผลที่สูงรวมถึงมีแนวโน้มของผลกำไรที่ไม่สดใสนัก บริษัทน่าจะยังสามารถรักษาอัตราส่วนทางด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับระดับหนี้สินให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวได้ โดยมีพื้นฐานมาจากฐาน EBITDA ที่แข็งแกร่งและเงิบปันผลรับจากบริษัทร่วม ติดต่อ: อรวรรณ การุณกรสกุล, เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, วสันต์ ผลเจริญ, Vincent Milton + 662 655 4755 หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของฟิทช์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน--จบ--

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+เยื่อกระดาษสยามวันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...