TIES เตรียมตัวเข้าตลาด MAI

22 Nov 2005

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--หลักทรัพย์ธนชาต

บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) เตรียมตัวนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 35 ล้านหุ้น มีบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยปัจจุบันได้ยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2548

บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) (TIES) ก่อตั้งและดำเนินงานโดยกลุ่มวิศวกรที่มีประสบการณ์ในงานด้านวิศวกรรมและการบริหาร โดยบริษัทได้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมมาตั้งแต่ปี 2524 ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 24 ปี บริษัทได้ขยายขนาดของธุรกิจและการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการรับเหมาก่อสร้างกับโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและครบวงจรมากขึ้นซึ่งบางโครงการต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีสูง จากเดิมที่มุ่งเน้นแต่งานในลักษณะการให้บริการกับโรงงานอุตสาหกรรมทั้งด้านการก่อสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้าและการติดตั้งงานระบบต่างๆภายในโรงงาน ปัจจุบันบริษัทได้ขยายการให้บริการรับเหมาก่อสร้างไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นๆ อาทิเช่นอาคารสูงเพื่อที่พักอาศัยและศูนย์การค้า ตลอดจนได้เริ่มขยายขอบเขตการบริการไปยังภาครัฐ โดยผลงานของบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 จากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI)

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 628.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194.69% และกำไรสุทธิ 42.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 640.01% จากปี 2546 ซึ่งมีรายได้ 213.29 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 7.82 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปี 2547 อยู่ที่ 6.72% ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเดียวกันอันเป็นผลสะท้อนมาจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 บริษัทมีรายได้รวม 685.80 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 22.27 ล้านบาทตามลำดับ นอกจากนี้บริษัทมีโครงการก่อสร้างซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างจำนวน 6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 1,116.6 ล้านบาท

นายธีรพล เต็มสุข กรรมการบริหาร บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ว่า “บริษัทได้ยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในครั้งนี้บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทต่อประชาชนจำนวน 33 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 24.4% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกจำนวน 2 ล้านหุ้น ต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน” นอกจากนี้ นายธีรพลยังได้กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจและบริษัทอีกว่า “เรามีความมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัท ถึงแม้ว่าในปัจจุบันธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้นมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในการประมูลโครงการต่างๆ และยังมีปัจจัยลบอย่างเช่นราคาน้ำมันที่ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่เรามั่นใจว่านโยบายของบริษัทในการบริหารปริมาณงานก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและการบริหารการเงินและต้นทุนที่รอบคอบ รัดกุมจะทำให้บริษัทประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ”

นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวถึงประเด็นที่น่าพิจารณาลงทุนในหุ้นของTIES ว่า “บริษัทมีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง พร้อมมีฐานลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ครอบคลุมธุรกิจอุตสาหกรรมหลายประเภท อาคารสูงเพื่อที่พักอาศัยและศูนย์การค้า ซึ่งลูกค้าเหล่านี้มีทั้งบริษัทในประเทศและต่างประเทศ เรามองว่าการที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจ ในปัจจุบันบริษัทได้เริ่มขยายงานไปสู่กลุ่มลูกค้าภาครัฐซึ่งมีความต้องการบริการรับเหมาก่อสร้างค่อนข้างสูง เนื่องจากรัฐบาลมีแผนงานเมกกะโปรเจคหลายโครงการด้วยกัน รวมถึงการที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรง (FDI) ก็เป็นปัจจัยบวกอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรามองว่าบริษัทมีความสามารถที่จะขยายขอบเขตและฐานลูกค้าต่อไปได้อีกซึ่งจะส่งผลถึงผลประกอบการของบริษัทในอนาคต”

ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 135 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 33 ล้านหุ้นต่อประชาชนทั่วไปและหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2 ล้านหุ้นต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท โดยจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI)

บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน)--จบ--