ออสเตรเลียรุกลงทุนในไทย ตั้งศูนย์เด็กหลอดแก้ว – ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์

31 Jul 2006

กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--บีโอไอ

ออสเตรเลียดาหน้าเข้าลงทุนในไทย ครึ่งปีแรก 2549 ขยายตัวเกือบ 5 เท่า และมากกว่าปี 2548 ทั้งปี ล่าสุดบีโอไออนุมัติส่งเสริมกิจการศูนย์ทดสอบทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อช่วยผู้ที่มีบุตรยาก และการทำ PDG เพื่อป้องกันมิให้เด็กไม่ได้รับโรคทาลาสซีเมียที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม พร้อมส่งเสริมกิจการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์

นางหิรัญญา สุจินัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานพิจารณาโครงการ เมื่อวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2549 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการ บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ในนามบริษัท โอโอโกเนีย จำกัด เงินลงทุน 65 ล้านบาท ซึ่งจะให้บริการทดสอบสำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีบุตรยากสามารถมีบุตรได้โดยการทำเด็กหลอดแก้ว และให้บริการทำพีดีจี (Preimplantation genetic diagnosis: PDG) ซึ่งเป็นขบวนการตรวจวิเคราะห์เซลล์ ตัวอ่อน เพื่อช่วยคู่สมรสที่มีโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมสามารถมีบุตรได้โดยไม่มีโรคดังกล่าว เช่น โรคทาลาสซีเมีย

ศูนย์ทดสอบทำเด็กหลอดแก้วแห่งแรกนี้จะจัดตั้งขึ้นในกรุงเทพฯ ก่อนที่จะขยายบริการไปยังทุกส่วนภูมิภาคของประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมีแผนที่จะขยายการให้บริการแก่ภูมิภาคอื่นๆ ของโลก โดยมีศูนย์ทดสอบที่กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง

“ การมีศูนย์ทดสอบเด็กหลอดแก้วในประเทศไทย จะช่วยให้การทำเด็กหลอดแก้วสามารถดำเนินการในประเทศไทยได้ทุกขั้นตอน ไม่ต้องส่งไปทดสอบในต่างประเทศ ช่วยลดทั้งระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้ว และยังสามารถช่วยลดอัตราการป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรมลงด้วย ทำให้ประชากรไทยในรุ่นต่อๆ ไป มีโรคติดต่อทางพันธุกรรมน้อยลง รวมทั้งยังช่วยยกระดับวงการแพทย์ของไทย ให้มีบริการที่ทันสมัยและครบวงจร “ รองเลขาธิการบีโอไอกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในนามบริษัท ทูทา เฮลธ์ แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตชุดสายให้น้ำเกลือหรือยา อุปกรณ์ให้ยาแบบพกพา และอุปกรณ์ส่องลำคอ ปีละประมาณ 2,495,000 ชิ้น เงินลงทุน 57 ล้านบาท โดยบริษัทได้วางแผนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยจะจำหน่ายในต่างประเทศร้อยละ 98 และจำหน่ายในประเทศไทยร้อยละ 2

นางหิรัญญากล่าวต่อไปว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โครงการลงทุนจากประเทศออสเตรเลียมีการขยายตัวมากขึ้นถึง 480% โดยพิจารณาจากคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมีจำนวน 11 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 934 ล้านบาท มากกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียง 4 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 159 ล้านบาท และมากกว่ามูลค่าเงินลงทุนของโครงการจากประเทศออสเตรเลียที่ยื่นขอรับส่งเสริมในปีที่ผ่านมาทั้งปีด้วย