บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า คอนโดมิเนียมระดับกลางและระดับล่างในกรุงเทพมหานครมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่คอนโดมิเนียมระดับหรูกลับยังคงมีจำนวนจำกัด ด้านปริมาณความต้องการคอนโดมิเนียมยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนบางประการเกิดขึ้น
                                                                                                                            
                                                                                                                                      ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ปริมาณคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯมีจำนวนทั้งสิ้น 45,022 ยูนิต โดยคอนโดมิเนียมแบบมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน (Freehold) มีจำนวน 43,046 ยูนิต เพิ่มขึ้น 727 ยูนิตจากโครงการใหม่ 4 แห่งที่เพิ่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์  ซึ่งได้แก่ ไฟคัส เลน ฟูลเลอตัน เดอะ มาสเตอร์ สาทร เอ็กเซ็กคิวทีฟ  และ เดอะ เพลทตินัม ขณะที่คอนโดมิเนียมแบบมีกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาว(Leasehold) ยังคงมีจำนวนเท่าเดิมเหมือนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548
                                                                                                                            จากการสำรวจครั้งล่าสุดของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ซีบี ริชาร์ด เอลลิส   พบว่า  จากจำนวนคอนโดมิเนียมแบบมีกรรมสิทธิ์ที่ดินในกรุงเทพฯทั้งหมด  มีเพียง 3,929 ยูนิตเท่านั้นที่เป็นคอนโดมิเนียมระดับบนและระดับหรู  คิดเป็น 9.1% ของตลาด ขณะที่จำนวนคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงระดับล่างมี 39,117 ยูนิต หรือคิดเป็น 90.9%
                                                                                                                                      หากมองตลาดคอนโดมิเนียมระดับหรูในกรุงเทพฯจะพบว่า   มีแนวโน้มจะแบ่งประเภทคอนโดมิเนียมออกอย่างชัดเจน ได้แก่ คอนโดมิเนียมระดับบน (Top-End) และระดับหรู (High-End)  หลักเกณฑ์สำคัญที่ใช้ในการแบ่งประเภท คือ ทำเลที่ตั้ง คุณภาพของโครงการ การออกแบบ การจัดวางผังห้อง ขนาดของห้อง วัสดุอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก วิวทัวทัศน์ สิ่งแวดล้อมรอบโครงการ และราคา
                                                                                                                                      ด้วยหลักเกณฑ์ดังกล่าว  ปริมาณคอนโดมิเนียมระดับหรูโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท (49.3%)  ตามมาด้วยย่านลุมพินี (18.8%)  สีลม / สาทร (18.8%) และพระราม 3 / ริมแม่น้ำ (13.2%)  ซีบี ริชาร์ด เอลลิส คาดว่า  ในอนาคตปริมาณคอนโดมิเนียมระดับหรูจะเพิ่มขึ้นอีก 5,082 ยูนิต แบ่งเป็น 2,040 ยูนิต และคอนโดมิเนียมระดับหรู 3,042 ยูนิตสำหรับ โดยโครงการเหล่านี้จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 จนถึงปี 2552
                                                                                                                                      สำหรับผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ที่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรู  ได้แก่  เมเจอร์ ดีเวลล็อปเม้นท์ ทีซีซี แคปปิตอล แลนด์  เอ็ม อาร์ สุขุมวิท แสนสิริ  ริเวอร์ไซด์ โฮมส์ ดีเวลล็อปเม้นท์  และโฮเต็ล พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด
                                                                                                                                      ความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง  และเพื่อการลงทุนก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง   นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร   กรรมการผู้จัดการ  ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย  กล่าวว่า  “ในสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร ซีบี ริชาร์ด เอลลิสก็ยังคงดำเนินธุรกิจเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็น  ปริมาณการสอบถามข้อมูลจากลูกค้า  ยอดขาย   และการเยี่ยมชมโครงการจากสาขาของเราทั้งในกรุงเทพฯ  พัทยา  และภูเก็ต”
                                                                                                                            เนื่องจากประเทศไทยยังคงมีการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องและเสนอราคาขายในที่มีความคุ้มค่า  ซีบี ริชาร์ด เอลลิส จึงเห็นถึงความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ของชาวต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้น   โดยผู้ซื้อที่เป็นชาวต่างชาติ 5 อันดับแรก  ได้แก่   ชาวอังกฤษ  ชาวอเมริกัน     ชาวสิงคโปร์   ชาวฮ่องกง  และชาวฝรั่งเศส
                                                                                                                                      ผู้ซื้อชาวต่างชาติกำลังเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมระดับหรูแม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านปริมาณการถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติที่ได้ไม่เกิน 49%   และข้อจำกัดในการกู้ยืมเงินสำหรับชาวต่างชาติเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์
                                                                                                                                      นางสาวอลิวัสสาให้ความเห็นว่า  “หากรัฐบาลต้องการที่จะเพิ่มปริมาณความต้องการในตลาดคอนโดมิเนียมของกรุงเทพฯ และแหล่งที่พักตากอากาศอื่นๆในประเทศไทย  รัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้มีการปรับปริมาณสิทธิ์การถือครองให้เพิ่มสูงขึ้น ให้มากกกว่า 49% อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  มาตรการอีกประการที่จะช่วยส่งเสริมได้ ก็คือ  การอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมได้”
                                                                                                                                      จากการสำรวจของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส   พบว่า    ประมาณ 40% ของห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูที่ขายในกรุงเทพฯ ถูกจับจองโดยชาวต่างชาติ  “เราได้ทำการวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ทำให้ปริมาณผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นโดยการสัมภาษณ์ผู้ซื้อทั้งหมดในโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ทั้งหมดที่  ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นผู้บริหารการขาย     เป็นที่น่าสนใจว่า    มากกว่า 50% ของชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเอง โดยใช้เป็นที่พักอาศัยแบบถาวรหรือเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองเพื่อใช้ในบางช่วงเวลาของแต่ละปี  ในขณะที่ผู้ซื้อที่เหลือซื้อเพื่อนำมาปล่อยเช่าหรือเพื่อการลงทุน”  นางสาวอลิวัสสากล่าวเพิ่มเติม
                                                                                                                            ราว 25 % ของผู้ซื้อชาวต่างชาติในปัจจุบันเป็นผู้ที่อาศัยในประเทศไทยอยู่ก่อนแล้ว โดยปริมาณผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในต่างประเทศ
                                                                                                                                      ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า ปริมาณผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่า กรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองที่มีคนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง  เพราะมีผู้ซื้อชาวต่างชาติกำลังคิดที่จะย้ายเข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ อย่างถาวรเพิ่มมากขึ้น
                                                                                                                                      “ทั้งนี้เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ในราคาที่คุ้มค่า   คอนโดมิเนียมระดับหรูในกรุงเทพฯ มีราคาถูกกว่าในฮ่องกงถึง 10 เท่า และ ถูกกว่าในสิงค์โปร์ถึง 5 เท่าตัว ในขณะเดียวกัน กรุงเทพฯ ก็ยังมีมาตรฐานความเป็นอยู่ในระดับที่สูง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการแพทย์  สถานที่ท่องเที่ยว   และร้านค้าต่างๆ รวมทั้ง   การให้การต้อนรับอย่างดีเยี่ยมของคนไทย” นางสาวอลิวัสสากล่าว
                                                                                                                                      ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมระดับบนที่การก่อสร้างแล้วเสร็จในปัจจุบัน มีราคาเฉลี่ยอยู่ในช่วง 100,000 – 130,000 บาทต่อตารางเมตร     ส่วนคอนโดมิเนียมระดับหรูมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 – 95,000 บาทต่อตารางเมตร และ 60,000 – 80,000 บาท สำหรับตลาดคอนโดมีเนียมระดับกลางและต่ำกว่า 60,000 บาทสำหรับตลาดระดับล่าง   ซีบี ริชาร์ด เอลลิส คาดการณ์ว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้าราคาจะขยับสูงขึ้นอีกราว 15%-22%   โดยบางโครงการอาจจะมีราคาที่สูงกว่านี้ หากสามารถพัฒนาโครงการได้ตรงกับความต้องการที่ซับซ้อนของผู้ซื้อในช่วงเวลานั้นได้
                                                                                                                                      “เราคาดการณ์ว่า   แนวโน้มปริมาณคอนโดมิเนียมระดับหรูจะมีจำนวนจำกัด ในขณะที่ปริมาณความต้องการจากผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้านราคาก็จะยังคงเพิ่มสูงขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการที่พัฒนาได้ตรงตามมาตรฐานของตลาดระดับหรูหรือตลาดเพื่อการลงทุน” นางสาวอลิวัสสา กล่าวสรุป  
                                                                                                                                      เกี่ยวกับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
                                                                                                                                      ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (NYSE:CBG) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส   ให้บริการแก่เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อย ครอบคลุมตลาดมากกว่า 350* แห่ง ใน 50* ประเทศทั่วโลก
                                                                                                                                      ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดสาขากรุงเทพ ฯ ครั้งแรกในปีพ.ศ.2531 และสาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547  โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน   คอนโดมิเนียม  อพาร์ตเมนท์  เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์  อาคารสำนักงาน   ธุรกิจค้าปลีก   ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม   ที่ดิน  และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน  การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน    นอกจากนี้  ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานในระดับสากล     หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่  www.cbre.co.th  
                                                                                                                                      * รวมสำนักงานที่เป็นหุ้นส่วน
                                                                                                                                      ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตรกรรมการผู้จัดการ02 654 1111
                                                                                                                                      นางสาวงามใจ เจียรจรัสผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร02 654 1111 ต่อ 522
                                                                                                                            
                                                                                                                                      สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net