SET Note เผยเปิดเสรีลงทุนข้ามชาติมากขึ้นช่วยพัฒนาตลาดทุนไทยได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ตลท.

สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เสนอรายงานการศึกษามาตรการทางด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน พบว่า ประเทศไทยมีระดับการเปิดเสรีการลงทุนน้อยกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค และควรวางเป้าหมายที่จะเริ่มเปิดเสรีการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนรายย่อยมีทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงและสามารถจัดสรรเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการเพิ่มธุรกรรมให้สถาบันตัวกลาง ส่งผลให้ตลาดทุนไทยมีการพัฒนามากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปิดเสรีควรจะทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อปรับความพร้อมของผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องคำนึงถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจด้วย ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “การลดข้อจำกัดด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุนไทย : ข้อคิดจากการศึกษาและประสบการณ์ในต่างประเทศ” ในรายงาน SET Note ฉบับที่ 8/2549 ว่า จากตัวอย่างตลาดทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วที่เปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเต็มที่ และประเทศกำลังพัฒนาที่ทยอยเปิดเสรีมากขึ้น รวมถึง งานศึกษาวิจัยในต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าการเปิดเสรีการลงทุนระหว่างประเทศช่วยพัฒนาตลาดทุน โดยเพิ่มขนาดและสภาพคล่องของตลาดทุน ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศใกล้เคียงแล้ว พบว่าประเทศไทยมีระดับการเปิดเสรีการลงทุนค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับเงินทุนไหลออก “ปัจจุบันประเทศไทยยังควบคุมการลงทุนระหว่างประเทศมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน โดยมีเพียงประเทศจีนที่เข้มงวดเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนมากกว่าไทย ในขณะที่มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ก็ทยอยเปิดเสรีการลงทุนมากขึ้น ซึ่งการเปิดเสรีให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น จะเป็นกลไกผลักดันให้เกิดการแข่งขัน และทำให้ตลาดทุนพัฒนามากขึ้น โดยไทยมีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เห็นได้ชัด คือ 1) ผู้ลงทุนรายย่อยของไทย ไม่สามารถไปลงทุนในตราสารในต่างประเทศได้โดยตรง แต่ต้องลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (foreign investment fund: FIF) เท่านั้น และ 2) บริษัทต่างชาติไม่สามารถเข้ามาจดทะเบียนระดมทุนในประเทศไทยได้ แต่บริษัทของไทยสามารถออกไประดมทุนจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศได้” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว ปัจจุบันผู้ลงทุนรายย่อยของไทยไม่สามารถไปลงทุนในตราสารในต่างประเทศได้โดยตรง เช่นเดียวกับประเทศจีนที่มีข้อจำกัดทางด้านนี้ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ทยอยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยลงทุนในตราสารในต่างประเทศได้โดยตรงแล้ว อย่างไรก็ตามทั้งประเทศจีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ยังคงมีข้อจำกัดไม่ให้บริษัทต่างชาติเข้ามาจดทะเบียนระดมทุนในประเทศเช่นเดียวกับเรา ผู้ช่วยผู้จัดการกล่าวต่อว่า “รายงานการศึกษายังแนะนำว่า ประเทศไทยควรพิจารณาเริ่มเปิดเสรีการลงทุนมากขึ้นและควรทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยควรเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยเริ่มเข้าถึงตราสารต่างประเทศได้มากขึ้น โดยในช่วงแรกอาจจะยังไม่อนุญาตให้ไปลงทุนโดยตรง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อผู้ลงทุนที่ยังขาดความรู้ และประสบการณ์ แต่สามารถอาศัยเครื่องมือ เช่น ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์ (depository receipts: DR) ในประเทศไทยให้เป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศได้ พร้อมสร้างฐานความรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ต่อไป” นอกจากนี้ ควรอนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถระดมทุนผ่านตราสารในประเทศไทยได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มขนาดและสภาพคล่องได้มาก ดังเช่นในประเทศฮ่องกงที่มีบริษัทต่างชาติจดทะเบียนอยู่ร้อยละ 16 โดยมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 44 ของยอดรวม หรือตลาดสิงคโปร์ที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเป็นการซื้อขายในหลักทรัพย์ของบริษัทต่างชาติประมาณ ร้อยละ 18 “การให้บริษัทต่างชาติสามารถระดมทุนผ่านตราสารในประเทศไทย เพื่อนำเงินไปดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการเปิดเสรีให้ผู้ลงทุนเริ่มลงทุนในตราสารต่างประเทศมากขึ้น จะมีส่วนช่วยให้เงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป ดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวสรุป ผู้สนใจติดตาม SET Note ได้เพิ่มเติมที่ http://www.set.or.th/setresearch ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 – 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 – 2037/ ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 – 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

ข่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ+ตลาดหลักทรัพย์วันนี้

"SMO" ฮอตไฟลุก นักลงทุนกว่า 8,000 รายแห่จอง IPO เต็มพิกัด 3 ตระกูลใหญ่ประกาศ Lock-Up ทั้งหมด ตอกย้ำพื้นฐานแกร่ง พร้อมเทรด 10 พ.ย.นี้!

"ฮอตกว่าอากาศประเทศไทยตอนนี้…ก็ SMO นี่แหละ ว่ากันว่าหลังเปิดจอง IPO ได้ไม่กี่วัน หุ้นน้องใหม่แห่งตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ฟอร์มฮอตสุดในหมวดเกษตร หลังนักลงทุนกว่า 8,000 ราย แห่จองเต็มโควตา 231.60 ล้านหุ้นกันแบบกระหน่ำจอ! สะท้อนความเชื่อมั่นเต็มร้อยในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตระยะยาว เบื้องหลังความมั่นใจไม่ธรรมดา เมื่อสามตระกูลผู้ถือหุ้นใหญ่ พวงมาลา, พิริเยศยางกูร และลัม ประกาศ "Lock-Up" หุ้นทั้งหมด ไม่มีใครปล่อยแม้แต่หุ้นเดียว แถมผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ก็ประกาศถือยาวแบบใจถึงพึ่ง

บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM เดินหน... MMM ตอกย้ำ "บริษัทนายหน้าอสังหาฯ มือ 1 รายแรก ในตลท." — บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM เดินหน้าตอกย้ำความเป็น "บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ด้านตัวแทน...

บมจ. ฟลอยด์ (FLOYD) เข้าร่วมโครงการ "JUMP... FLOYD ขานรับโครงการ JUMP+ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน — บมจ. ฟลอยด์ (FLOYD) เข้าร่วมโครงการ "JUMP+" ของตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งเด...

"กลุ่มสมอทอง" ปิดท้ายโรดโชว์ที่ตลาดหลักทร... "SMO" ปิดท้ายโรดโชว์ตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจพื้นฐานแกร่ง ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน — "กลุ่มสมอทอง" ปิดท้ายโรดโชว์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสนอขาย IP...