สสปน. ตอกย้ำความแข็งแกร่งอุตสาหกรรมไมซ์ไทย เร่งปรับกลยุทธ์ผลักดันกลุ่ม Meetings and Incentives รุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์

สสปน. ตอกย้ำความแข็งแกร่งอุตสาหกรรมไมซ์ไทย เร่งปรับกลยุทธ์ผลักดันกลุ่ม Meetings and Incentives รุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่องเตรียมพร้อมรับ 3 กิจกรรมใหญ่ช่วงครึ่งปีหลัง 2550 มั่นใจศักยภาพอุตสาหกรรมยังเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าโครงการใหญ่ดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าไทย เตรียมจัด 3 งานใหญ่ ConnectionPlus / ITCMA และ ICCA ดึง CEO ระดับโลกเข้าไทย และโรดโชว์ทั่วโลกในตลาดเป้าหมาย พร้อมชู Meeting Energy จุดเด่นที่แตกต่างของการจัดประชุมในไทย นายนิพัทธ์ ดิถีเพ็ญ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาพรวมของอุตสาหกรรม MICE นั้น น่าจะยังเป็นช่วงแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นปีละประมาณเกือบ 20-30 % และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยภาพรวมอุตสาหกรรม MICE ปี 2549 ที่ผ่านมา จำนวนคนเพิ่มขึ้น 22 % จาก 555,294 คน ในปี 2548 เป็น 677,500 คน และจำนวนรายได้เพิ่มขึ้น 23 % จากประมาณ 38,000 ล้านบาท ในปี 2548 เป็นประมาณ 46,747 ล้านบาทในปี 2549 และในปี 2550 คาดว่า จำนวนคนจะเพิ่มขึ้นอีก 18% คิดเป็น 797,000 คน และจำนวนรายได้เพิ่มขึ้น 18% จากประมาณ 46,747 ล้านบาท ในปี 2549 เป็นประมาณ 54,993 ล้านบาท ในปี 2550 ทางด้านอุตสาหกรรมการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meeting & Incentive) นั้น มีอัตราการเจริญเติบโตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ประมาณเกือบ 20 % อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่ม MI ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ในปี 2006 มี จำนวนประมาณ 280,000 คน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปี 2005 ที่มีจำนวนประมาณ 225,000 คน ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจและความพร้อมในด้านศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอาหารไทยที่เลื่องชื่อ ตลอดจนกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคได้ นายนิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเป้าหมายและกลยุทธ์การดำเนินงานของ สสปน.ในส่วนของการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meetings and Incentives) เพื่อโปรโมทอุตสาหกรรมไมซ์และเพิ่มจำนวนของนักท่องเที่ยวคุณภาพนั้น สสปน.ได้เร่งวางเป้าหมายเชิงรุกในปี 2550 โดยเน้นการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน .ในการทำการตลาดตรงเฉพาะกลุ่มและสินค้าหรือบริการรูปแบบใหม่หรือรูปแบบผสมที่มีความน่าสนใจมากขึ้น อาทิ Corporate Well-being Incentives Soft Adventure for Team building, Dining – around Incentives รวมทั้ง การเข้าถึงกลุ่มบริษัท ที่มาลงทุนในประเทศไทย หรือมีบริษัทแม่ในต่างประเทศ และบริษัทที่มีคู่ค้ากับบริษัทในไทย เพื่อหารือแนวทางในการให้บริษัทดังกล่าวมาจัดประชุมหรือท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในไทย นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการขยายตลาด Meeting Incentive ร่วมกัน ในนาม Thai Team โดยการจัด หรือเข้าร่วมกิจกรรม Trade Show หรือ Road Show ในบางพื้นที่ หรือบางประเทศ และยังดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนในการเดินทางไปพบปะกับผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามตลาดเป้าหมายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี และ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ ที่สอดคล้องกัน และ ฯลฯ สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง 2550 ก็ยังมีการจัดงาน ใหญ่ที่สำคัญ อีก 3 งาน ได้แก่ งาน Corporate Connection Plus งาน Incentive Travel & Convention, Meetings Asia (IT&CMA) ที่จัดพร้อมกับงาน Corporate Travel World-Asia Pacific (CTW) และงานประชุม 46th ICCA Congress 2007 เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าไทย นายนิพัทธ์ กล่าวย้ำ ถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นสถานที่ในการจัดประชุมระดับนานาชาติว่า ทาง International Congress & Convention Association หรือ ICCA ได้จัดลำดับให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 25 ของโลก อันดับ 6 ของเอเซีย (รองจากญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ เกาหลี และฮ่องกง) และอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน (รองจากสิงคโปร์) ในด้านประเทศที่มีจำนวนการประชุมนานาชาติสูงที่สุด โดยมีจำนวนการจัดประชุมทั้งหมด 82 ครั้ง คิดเป็น 1.5% ของจำนวนการประชุมนานาชาติทั้งหมดในโลก นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 28 ของโลก อันดับ 4 ของเอเซีย (รองจากญี่ปุ่น จีน และเกาหลี) และอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ในด้านประเทศที่มีจำนวนการประชุมนานาชาติ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตสูงที่สุด (ปี 2006-2017) โดยมีจำนวนการประชุมทั้งหมด 71 ครั้ง คิดเป็น 1.3% ของจำนวนการประชุมนานาชาติทั้งหมดในโลก ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้นับเป็นการแสดงให้เห็นว่า “เมืองไทยไม่ได้เป็นแค่จุดหมายแห่งการพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดหมายสำหรับการประชุมและท่องเที่ยวที่พร้อมกับธุรกิจจากองค์กรต่างๆทั่วโลก เพราะไม่เพียงแค่สถานที่จัดประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่เรายังมีการสนับสนุนให้เกิดการจัดประชุมในสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือ meeting energy ที่ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมของความเป็นไทยขณะมาประชุมได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากชาวต่างชาติ” ทางด้าน นายภูริพันธ์ บุนนาค ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สสปน. กล่าวถึงรายละเอียดของการจัดงานด้านการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลที่จะจัดขึ้น ภายในปีนี้ ทั้ง 3 งาน ว่า งาน Corporate Connection Plus หรือ โครงการดูงานสำหรับผู้ซื้อกลุ่มบริษัท จะเป็นงานที่ทาง สสปน. ได้เชิญ ผู้ซื้อกลุ่มบริษัท และสื่อมวลชน จำนวนประมาณ 100 คน จากองค์กรต่างๆกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมประชุมเพื่อนำเสนอถึงอุตสาหกรรม MICE ในไทย รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตรในธุรกิจ MICE โดยงานดังกล่าวจะจัดให้มีขึ้น ระหว่างวันที่ 15-19 สิงหาคม ศกนี้ ส่วนงาน Incentive Travel & Convention, Meetings Asia ( ITCMA) และ Corporate Travel World-Asia Pacific (CTW) หรือ งาน ITCMA&CTW 2007ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคม 2550 ที่จะจัดขึ้นที่ เซ็นทรัลเวิลด์ นี้ นับเป็นปีที่ 4 ที่ไทยได้ เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดส่งเสริมการขายในระดับเอเซีย -แปซิฟิค พร้อมการจัดประชุมผู้ซื้อจากบริษัทข้ามชาติ การจัดสัมมนาโดยเชิญนักพูดระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดงาน ITCMA&CTW ในไทยครั้งนี้นับเป็นการครบรอบ 15 ปี ของการจัดงาน ITCMA และครบรอบ 10 ปี ของการจัดงาน CTW โดยงานดังกล่าว ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค และมีองค์การนานาชาติเกี่ยวกับการประชุมและท่องเที่ยวสนับสนุนกว่า 8 องค์กร มีผู้เข้าร่วมการขาย 301 บริษัท จาก 29 ประเทศ และมีการเชิญผู้ซื้อ (Buyers) จากทั่วโลกเข้าร่วมงาน จำนวน 400 คน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงการประชันจัดงานส่งเสริมการขายของประเทศต่างๆ การพบปะสังสรรค์ และการจัดทัวร์ทั้งก่อน และหลังงาน เพื่อชมสินค้าท่องเที่ยวใหม่ๆในภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทยอีกด้วย สำหรับงาน The 46th ICCA Congress 2007 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26- 30 ตุลาคม 2550 ที่ พัทยา จะเป็นงานประชุมขององค์กรระดับโลกของบรรดา Top Management ในเรื่องเกี่ยวกับการจัดประชุม (Conventions) ในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้จัดงาน หรือ ออร์แกไนเซอร์ จากทั่วโลกเข้าร่วมงานประมาณ 800 บริษัท นายภูริพันธ์ยังกล่าว ต่อไปว่า ในช่วงครึ่งปีหลังภารกิจหลักของ สสปน. ที่นับเป็นโครงการที่สามารถสนับสนุนอุตสาหกรรม MICE ในประเทศไทย ได้แก่ โครงการเปิดทองหลังพระ : ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ (Royal Initiative Discovery) โครงการหลักของสสปน. ที่สนับสนุนโดยรัฐบาล อันมีพื้นที่โครงการทั้งสิ้นจำนวน 19 แห่ง: ภาคเหนือ 5 แห่ง ภาคกลาง 7 แห่ง ภาคใต้ 3 แห่ง ภาคอีสาน 4 แห่ง ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 - 2554 ในส่วนของการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลนั้น ก็จะมีการนำเสนอโครงการเปิดทองหลังพระในทุกกิจกรรมด้านการตลาดที่ สสปน.เป็นแกนนำในการจัด หรือนำผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าร่วม อาทิ Trade Show หรือ Road Show ซึ่งจะเน้นการนำเสนอในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ตามรอยพระราชดำริ (Edutainment) การสร้างบรรยากาศใหม่ๆ และกิจกรรมที่แตกต่างออกไปในการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือ แนวอนุรักษ์เพื่อสังคม รวมทั้งการนำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประเด็นความพอเพียงและสมดุล ทั้งนี้การส่งเสริมการจัดประชุมโดยผนวกกับการท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ นับเป็นการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศและเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ โดยเม็ดเงินที่คาดว่าจะเป็นรายได้จากโครงการเปิดทองหลังพระนั้น รวมกันเป็นมูลค่าประมาณ 3,100 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว รวม 900,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ ประมาณ 750,000 คน และนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ประมาณ 150,000 คน “ขณะนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มธุรกิจมาจากเอเชีย ตามด้วยยุโรป และออสเตรเลีย ตามลำดับ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีการใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 20% ของตัวเลขทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับความสนุกจากกิจกรรมต่างๆทั้ง การไปสปา ทานอาหารเลิศรส ไปเล่นกอล์ฟ เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี การพักผ่อนตามชายหาดที่สวยงาม สัมผัสถึงวัฒนธรรมที่ดีงาม ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และเพลิดเพลินกับการจับจ่ายช้อปปิ้ง ซึ่งการประชุมนานาชาติและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลส่วนใหญ่ก็จะมากรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา หรือเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม กระบี่ หัวหิน และเชียงรายก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน” ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2550 นั้น มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย จำนวนประมาณ 3.82 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.43 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีจำนวนประมาณ 3.62 ล้านคน โดยประมาณการรายได้ที่เข้าประเทศจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงปี 2550 อยู่ที่ 547,5000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากปี 2549 ซึ่งประมาณการรายได้เข้าประเทศอยู่ที่ 486,300 ล้านบาท สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) คือองค์กรของภาครัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา ออกโดยพระราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2545 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการได้เริ่มเปิดทำการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 เป็นต้นมา สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนและประสานงานด้านการจัดการประชุม การจัดงานเพื่อเป็นรางวัล การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งมักเรียกโดยรวมเป็นคำย่อว่า ‘MICE’ มีที่มาจากการจัดประชุม การจัดงานเพื่อเป็นรางวัล การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการในประเทศไทย การจัดตั้งสสปน.ขึ้นมานี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเติบโตของไทยในการเป็นตัวเลือกหนึ่งของสถานที่จัดงานประชุม งานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) คุณปาริฉัตร เศวตเศรนี โทร 0-2694-6000 Ext. 6091 หรือ 08-1840-4701 อีเมล์l: [email protected] คุณอริสรา ธนูแผลง โทร 0-2694-6000 ต่อ 6092 หรือ 08-1561-4745 อีเมลล์ : [email protected] เจดับบลิวที ประเทศไทย: เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์ คุณวงจันทร์ ตั้งทรงศักดิ์ โทร. 0-2204-8221 หรือ 08-9127-2089 อีเมล์l: [email protected] คุณญาดา ศรีสัมมาชีพ โทร. 0-2204-8214 หรือ 08-4640-0058 อีเมล์ : yada. srisammasheep/BKK/JWT

ข่าวอุตสาหกรรมไมซ์ไทย+นิพัทธ์ ดิถีเพ็ญวันนี้

ไบเทค เดินหน้ายกระดับความยั่งยืนในอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ผนึก 6 Green Partners ขับเคลื่อนโมเดล Carbon-Neutral Events

ไบเทคตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ด้วยการผนึกกำลัง 6 พันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ SCGP, GC, Wake Up Waste, AltoTech, Banpu NEXT และ Scholars of Sustenance (SOS) ร่วมพัฒนาโมเดลการจัดงานที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุมการวัด ลด และชดเชยคาร์บอน พร้อมนำเทคโนโลยี RealTime Carbon Tracking Dashboard และมาตรฐานการชดเชยคาร์บอนของ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO มาใช้จริง ผลักดันงานอีเวนต์ไทยสู่ Carbon-Neutral Events ตอบโจทย์เทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่ง

ทีเส็บจัดงาน MICE Day 2025 ณ อิมแพ็ค เมือ... ทีเส็บจัดงาน MICE Day 2025 ชู 3 แนวคิดหลักหัวใจสร้างไมซ์ไทย ปักธงปี 2026 "MICE Celebration Year" — ทีเส็บจัดงาน MICE Day 2025 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต...