ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแนวทางส่งเสริมบจ.เพิ่มสภาพคล่องหุ้น

18 Jun 2007

กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--ตลท.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแนวทางส่งเสริมการสร้างสภาพคล่องให้บจ.ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) ต่ำกว่าเกณฑ์ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยจะยกเลิก Call Market ตั้งแต่ 4 ก.ค.นี้ และให้บริษัทเปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุก 6 เดือน หากไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ตามกำหนด จะเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มตั้งแต่ปีที่ 2 จนกว่าจะแก้ไขได้ ระบุการเพิ่มสภาพคล่องของบจ.เป็นการสร้างความน่าสนใจให้บริษัท และส่งผลให้การระดมทุนเป็นไปได้สะดวกขึ้น เผยจะประกาศรายชื่อบจ.ที่มี Free float ต่ำกว่าเกณฑ์เป็นปีที่ 2 ขึ้นไป 2 ก.ค. นี้

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับปรุงมาตรการสำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกระจายการถือหุ้นรายย่อยไม่ครบถ้วนหรือบริษัทจดทะเบียนที่มีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) ต่ำกว่าเกณฑ์ (จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยน้อยกว่า 150 ราย หรือถือหุ้นรวมกันน้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้ว) ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว โดยจะมีการยกเลิก Call Market ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2550 นี้ นอกจากนี้ จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทจดทะเบียนเพิ่ม พร้อมทั้งให้มีการรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุก 6 เดือน

“สภาพคล่องของหลักทรัพย์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้แก่บริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะมีผลให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงพยายามส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนมีสภาพคล่องมากขึ้น โดยการยกเลิก Call Market และให้หลักทรัพย์ของบริษัทกลับมาซื้อขายในระบบปกติ (Automatic Order Matching : AOM) จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายและช่วยให้การกระจายหุ้นเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น และจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย

ส่วนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่ม จะเริ่มเมื่อบริษัทจดทะเบียนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เป็นปีที่ 2 ขึ้นไปจนกว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศชื่อบริษัทดังกล่าวให้ผู้ลงทุนทราบ โดยหวังว่าจะเป็นแนวทางที่จะช่วยกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญและเร่งแก้ไขปัญหาการกระจายผู้ถือหุ้นรายย่อยได้เร็วขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งในที่สุดแล้วการเพิ่มสภาพคล่องของหลักทรัพย์จะส่งผลดีต่อบริษัท ผู้ลงทุน และตลาดทุนโดยรวม” นางภัทรียากล่าว

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพิจารณาคุณสมบัติด้านการกระจายการถือหุ้นรายย่อยของบริษัทจดทะเบียนจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ

วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทและจะให้เวลาบริษัทจดทะเบียนในการแก้ไขการกระจายการถือหุ้นให้ครบถ้วน โดยในปีแรก ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งให้บริษัทจดทะเบียนได้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไข หากยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขการกระจายการถือหุ้นได้ในปีที่ 2 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งการขาดคุณสมบัติให้ผู้ลงทุนได้ทราบ และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มจนกว่าบริษัทจะแก้ไขเหตุดังกล่าวได้ พร้อมกันนี้จะให้บริษัทจดทะเบียนรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุก 6 เดือน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบความคืบหน้าในการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อของบริษัทจดทะเบียนที่มีการกระจายการถือหุ้นต่ำกว่าเกณฑ์เป็นปีที่ 2 ขึ้นไปในวันที่ 2 ก.ค.นี้

กรรมการและผู้จัดการกล่าวด้วยว่าการเสริมสภาพคล่องการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มความน่าสนใจแก่ตลาดหุ้นไทย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเร่งสนับสนุนให้มีการทำงานร่วมกับชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อให้คำแนะนำและสนับสนุนแนวทางการเพิ่มสัดส่วน Free float ของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง

Call Market เป็นวิธีการจับคู่คำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ โดยใน 1 วันทำการจะมีการจับคู่คำสั่งซื้อขาย 3 ครั้ง คือ ช่วงเปิดตลาดภาคเช้า เวลา 9.55 – 10.00 น. ช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย เวลา 14.25 – 14.30 น. และช่วงปิดตลาดภาคบ่าย เวลา 16.35–16.40 น. ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มใช้ระบบ Call Market ตั้งแต่ปี 2545

ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229–2036 / ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร.0-2229–2037/

ณัฐพร บุญประภา โทร.0-2229 – 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร.0-2229-2797