แพทย์เตือนหนุ่ม-สาววัยทำงาน ระวังโรคกรดไหลย้อนโรคยอดฮิตของสาวออฟฟิศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์

แพทย์เตือนหนุ่ม-สาวออฟฟิศ ระวังโรคกรดไหลย้อน โรคยอดฮิตของหนุ่มสาววัยทำงาน ดารานักแสดง โดยเฉพาะคุณสาวๆออฟฟิศ ที่ชอบกินจุบกินจิบ รับประทานอาหารไม่เป็นเวลาและเร่งรีบ รวมถึงผู้ชอบอาหารรสจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงสูง หากมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ ควรปรึกษาแพทย์ รศ.พญ. วโรชา มหาชัย หัวหน้าหน่วยทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า โรคกรดไหลย้อน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิตเหมือนโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ แต่เป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานลดลง โดยจะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ และในบางรายอาจมีอาการแสดงออกนอกหลอดอาหารได้ เช่น อาการทางปอด หรืออาการทางคอและกล่องเสียง เสียงแหบเรื้อรัง มีไอเรื้อรัง มีกลิ่นปาก หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้ ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังถูก “โรคกรดไหลย้อน“คุกคาม ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาต่อไป เพราะหากละเลยไม่ยอมรักษานานๆไปอาจทำให้เรื้อรังกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้เช่นกัน “เนื่องจากโรคกรดไหลย้อน จะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย คล้ายๆกับอาการของโรคกระเพาะอาหาร จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักจะเหมารวมว่าตนเองอาจจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร และไปซื้อยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหารมารับประทานเอง ทำให้การรักษาไม่ตรงจุด โดยเฉพาะคนไทยเรามักจะชอบซื้อยามารับประทานเองและคิดว่าการไปพบแพทย์เป็นเรื่องใหญ่ ระยะหลังมานี้ จึงพบโรคกรดไหลย้อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ” รศ.พญ. วโรชา กล่าวและเสริมว่า โรคกรดไหลย้อน ไม่ได้เป็นโรคแปลกใหม่สำหรับคนไทย เป็นโรคที่พบในผู้ป่วยคนไทยมานานแล้ว สาเหตุของโรคเกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ หลอดอาหารส่วนปลายมีการคลายตัวอย่างผิดปกติ หรือความดันของหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายลดลงต่ำกว่าในคนปกติ หรือเกิดจากความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร เป็นต้น “โรคกรดไหลย้อนนี้มักเกิดขึ้นกับหนุ่มสาววัยทำงานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบlสูงรวมถึงดารานักแสดงและผู้ที่อยู่ในวงการบันเทิง ที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความรีบเร่งตลอดเวลา จนทำให้เวลาที่มีอยู่แม้กระทั่งการรับประทานอาหารก็พลอยรีบเร่งไปด้วย มิหนำซ้ำยังมีความเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่ชอบกินจุบกินจิบ รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รวมถึงผู้ที่ชอบทานอาหารรสจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ก็เสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนได้เช่นกัน” รศ.พญ. วโรชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาโรคกรดไหลย้อนสามารถรักษาให้หายได้ โดยการรับประทานยากลุ่มยาลดกรด แต่ถ้าเป็นมากและเรื้อรังควรได้รับการตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรับยาที่ตรงกับโรค ดังนั้น หากมีอาการดังกล่าวที่กล่าวมา ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ ขณะเดียวกันการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต โดยการรับประทานอาหารให้อิ่มพอดีและอย่ารับประทานอาหารใกล้เวลานอนเพราะจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่าย และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดน้ำหนักตัว อย่าใส่เสื้อผ้าคับเกินไปเนื่องจากจะเพิ่มความดันในช่องท้องให้มากขึ้น เลิกสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อนได้ ผู้ที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อนเพิ่มเติมสามารถค้นหาได้ทีwww.gerdthai.com ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณบุษบา สุขบัติ (บุษ) โทร.0-2718-3800 ต่อ 133 หรือ 081-483 7336

ข่าวโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์+โรคกรดไหลย้อนวันนี้

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทรงเป็นองค์ประธานเปิดโครงการ PRINCESS COLLECTION 2025 กิจกรรมเพื่อสังคมแห่งปี ร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม

โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI จับมือร่วมกับ Wacoal ออกคอลเลกชันชุดชั้นในและชุดเลานจ์แวร์ทรงออกแบบ นำรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อการรณรงค์และรักษาโรคมะเร็งเต้านมอย่างครบวงจร ของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ (เพื่อมะเร็งเต้านม) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, มูลนิธิกาญจนบารมี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI เสด็จทรงเป็นองค์ประธานเปิดโครงการ "Princess Collection 2025" กิจกรรมเพื่อสังคม

บอกลาโรคอ้วนที่ ศูนย์รักษ์พุง โรงพยาบาลจุ... ศูนย์รักษ์พุง จุฬาฯ บริการครบวงจร รักษาโรคอ้วนแบบองค์รวม — บอกลาโรคอ้วนที่ ศูนย์รักษ์พุง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ One Stop Service ด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคอ้...