ข้อมูลจากการศึกษายืนยันว่ายา ALIMTA (R) (ยา premetrexed สำหรับฉีด) มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

โซล--4 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์


การศึกษา 2 ชิ้นในเอเชียระบุว่า ยา ALIMTA (R) (ยาสำหรับทำเคมีบำบัดด้วยการให้ผ่านทางเส้นเลือดหรือ Pemetrexed) มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีความหลากหลาย โดยข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าวซึ่งได้รับการเปิดเผยในวันนี้ที่การประชุมโรคมะเร็งปอดโลกครั้งที่ 12 (WCLC) เน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของยา ALIMTA ของบริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี (Eli Lilly and Company) ในการรักษาโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (NSCLC) ซึ่งเป็นมะเร็งประเภทที่พบมากที่สุดในโลก (1) โดยปัจจุบันมีการนำยา ALIMTA ไปรักษามะเร็งที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กในระยะที่สองในกว่า 85 ประเทศ

จากการทดสอบแบบสุ่มระยะที่ 2 (WCLC Abstract # P2-274) ของสถาบันวิจัยร่วมหลายแห่งในญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาการแพร่กระจายของมะเร็งปอดแบบ NSCLC ด้วยยา ALIMTA มีโอกาสรอดชีวิตจากการเจ็บป่วยระยะกลางได้มากกว่า 12 เดือน

"ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายา ALIMTA ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กได้ด้วย" ดร.คาโอรุ คุโบตะ จากโรงพยาบาลศูนย์มะเร็งแห่งชาติในเมืองคาชิวะ ประเทศญี่ปุ่น และผู้ตรวจสอบการศึกษาในครั้งนี้ กล่าว "การศึกษาของประเทศตะวันตกก็ให้ผลเช่นเดียวกัน และนับเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ติดตามศึกษาผลของยาในคนไข้ในญี่ปุ่นและได้เห็นข้อพิสูจน์ด้วยตาของตนเอง"

ผลการศึกษาดังกล่าวได้จากการประเมินผู้ป่วย 216 ราย ด้วยการเปรียบเทียบการใช้ยา ALIMTA 500 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร กับการใช้ยา ALIMTA 1000 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร ผู้ป่วยที่ได้รับยา ALIMTA 500 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรมีระยะเวลาในการรอดชีวิตจากการเจ็บป่วยระยะกลางได้กว่า 16 เดือน เทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับ ALIMTA 1000 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร ที่มีโอกาสรอดชีวิต 12.6 เดือน โดยมีผู้ป่วยที่รอดชีวิตนานหนึ่งปีอยู่ที่ 59.2% และ 53.7% และมีอัตราการตอบสนองที่ 18.5% และ 14.8% ตามลำดับ นอกจากนั้นการศึกษาดังกล่าวยังยืนยันว่าปัจจุบันมีการใช้ยา ALIMTA ในปริมาณที่เหมาะสมแล้วสำหรับการรักษาโรค NSCLC ในระยะที่สอง

นอกจากนั้นการศึกษาแบบสุ่มระยะที่ 2 ในประเทศไต้หวัน (WCLC Abstract # P2-245) ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรค NSCLC ซึ่งได้รับการรักษาในระยะที่สองหรือสามจะมีโอกาสรอดชีวิตจากการเจ็บป่วยระยะกลางที่ 9.1 เดือน โดยผลดังกล่าวได้จากการศึกษาผู้ป่วย 44 ราย ที่ล้มเหลวในการรักษามะเร็งระยะแรกด้วยการทำเคมีบำบัดร่วมหรือไม่ร่วมกับการักษาด้วยโปรตีนไทโรซินไคเนส ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามีอัตราการตอบสนองโดยรวมที่ 18.2% โดยมีอัตราการตอบสนอง 40% เฉพาะในผู้ป่วยระยะที่สอง และ 11.8% ในผู้ป่วยระยะที่สามหรือมากกว่านั้น นอกจากนั้นยังพบว่าภาวะเป็นพิษจากการรักษายังลดความรุนแรงลงด้วย โดยมีผู้ป่วยเกิดภาวะเป็นพิษในเลือดระดับ 3 และ 4 ซึ่งทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง 18.2%, ภาวะเกล็ดเลือดน้อย 6.8% และภาวะโลหิตจาง 4.5% ส่วนภาวะเป็นพิษนอกกระแสเลือดก็มีความรุนแรงต่ำกว่าระดับ 3 ด้วย

การศึกษาเพิ่มเติมอีก 3 การศึกษา (WCLC Abstract # P2-226, WCLC Abstract # P2-237, WCLC Abstract # P2-243) ที่ได้รับการเปิดเผยในการประชุม WCLC ยังยืนยันอีกด้วยว่ายา ALIMTA มีประสิทธิภาพในการรักษาโรค NSCLC ระยะที่สองได้จริง

"เราประทับใจกับประสิทธิภาพและประโยชน์ของยา ALIMTA เป็นอย่างมาก" ดร.ริชาร์ด เกเนอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยมะเร็งและเนื้องอกวิทยาของบริษัทลิลลี่ กล่าว "การศึกษานี้เน้นย้ำประสิทธิภาพของยา ALIMTA ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กในระยะที่สอง และเนื่องจากบริษัทต้องการวางจำหน่ายา ALIMTAไปทั่วเอเชีย ยา ALIMTA จึงต้องมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีความแตกต่างหลากหลาย"

ยา ALIMTA ได้รับการอนุมัติจากสำนักเวชศาสตร์ยุโรป (EMEA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2547 สำหรับนำไปใช้รักษาโรค NSCLC ระยะที่สอง

เกี่ยวกับ โรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (NSCLC)

NSCLC เป็นโรคมะเร็งปอดประเภทที่พบมากที่สุดโดยมีอัตราส่วน 75-80% ของโรคมะเร็งปอดทั้งหมด โรค NSCLC มี 5 ระยะ โดยเริ่มจาก 0 ไปจนถึง 4 ซึ่งมีความรุนแรงมากที่สุด โรค NSCLC สามารถแพร่กระจายเข้าไปในระบบต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้มปอด ซี่โครง ระบบประสาท และหลอดเลือดที่เชื่อมไปยังแขน นอกจากนั้น ตับ กระดูก และสมอง จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเมื่อเซลล์มะเร็งผ่านเข้าสู่กระแสเลือด

(1) Parkin DM, Bray F, Ferley J, Pisani P, Global Cancer Statistics, 2002. CA Cancer J Clin 2005;55;74-108

http://intl-caonline.amcancersoc.org/cgi/content/abstract/55/2/74, (April 10, 2007)

ข้อมูลเบื้องต้นในการใช้ยา ALIMTA

การใช้ยา

ควรใช้ยา ALIMTA ร่วมกับยา Cisplatin ในการรักษาผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในช่องอกและต้องรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดเนื่องจากไม่สามารถผ่าตัดได้ นอกจากนั้น ALIMTA ยังสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคมะเร็งที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กในผู้ป่วยที่ผ่านการทำเคมีบำบัดมาแล้ว

ปริมาณการใช้ยา

สามารถนำยาเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยการให้ผ่านทางเส้นเลือดดำ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็งที่เป็นพิษต่อเซลล์

สำหรับเนื้องอกในช่องอกที่ไม่สามารถผ่าตัดได้: ควรใช้ยา Pemetrexed ร่วมกับยา Cisplatin เป็นวงจร 3 สัปดาห์ (21 วัน) โดยต้องใช้ยา Pemetrexed ในปริมาณ 500 มิลลิกกรัมต่อตารางเมตรของพื้นที่ผิวของร่างกาย ผ่านทางเส้นเลือดเป็นเวลา 10 นาที ในทุกวันที่ 1 ของวงจรการรักษา 21 วัน ส่วนยา Cisplatin ต้องใช้ในปริมาณ 75 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรของพื้นที่ผิวของร่างกาย ผ่านทางเส้นเลือดเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ราว 30 นาทีหลังจากให้ยา Pemetrexed เสร็จแล้ว โดยต้องมีการให้ยาแก้อาเจียนและให้น้ำกับผู้ป่วยในปริมาณที่เพียงพอด้วย

สำหรับโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก: แนะนำให้ใช้ยา Pemetrexed ในปริมาณ 500 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรของพื้นที่ผิวของร่างกายเป็นเวลา 10 นาที ในวันแรกของวงจรการรักษา 21 วัน

สำหรับการเตรียมตัวก่อนการรักษา: ผู้ป่วยต้องได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 1,000 ไมโครกรัมผ่านทางกล้ามเนื้อ และกรดโฟลิกราว 350-1,000 ไมโครกรัมผ่านทางช่องปากเพื่อลดภาวะเป็นพิษ (สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้จากผลสรุปลักษณะผลิตภัณฑ์หรือ SPC ) นอกจากนั้นผู้ป่วยควรได้รับยา Corticosteroid ก่อน ระหว่าง และหลังการใช้ยา Pemetrexed เพื่อลดอาการแพ้ที่ผิวหนัง ในปริมาณ 4 มิลลิกรัม เท่ากับการให้ยา Dexamethasone ผ่านทางช่องปากวันละ 2 ครั้ง

การตรวจนับเม็ดเลือด: ก่อนการให้ยาต้องมีการตรวจความสมบูรณ์ของเซลล์เม็ดเลือด (CBC) ซึ่งรวมถึงการนับส่วนต่างของปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด โดยเม็ดเลือดขาวต้องมีเท่ากับหรือมากกว่า 1,500 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ส่วนเกล็ดเลือดต้องมีเท่ากับหรือมากกว่า 100,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ก่อนให้ยาแต่ละครั้งต้องมีการตรวจสารเคมีในเลือดเพื่อประเมินการทำงานของตับและไต การกำหนดปริมาณการใช้ยา Pemetrexed และ/หรือ ยา Cisplatin ในช่วงเริ่มต้นวงจรการรักษา ควรพิจารณาจากจุดต่ำสุดของปริมาณเม็ดเลือด หรือจุดสูงสุดของภาวะเป็นพิษนอกกระแสโลหิต และควรเลื่อนหรือยกเลิกการรักษาถ้าตรวจพบภาวะเป็นพิษในกระแสเลือด ภาวะเป็นพิษในเซลล์ประสาท และ/หรือ ความบกพร่องของระบบตับหรือไต (สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้จากผลสรุปลักษณะผลิตภัณฑ์หรือ SPC )

สำหรับเด็กและวัยรุ่น: ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี

ความบกพร่องของระบบไต: ผู้ป่วยที่มีอัตราการกรองของเสียในไตเท่ากับหรือมากกว่า 45 มิลลิลิตรต่อนาที ไม่ต้องมีการปรับปริมาณยานอกจากว่าจะมีการแนะนำให้ปรับปริมาณยาสำหรับผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนผู้ป่วยที่มีอัตราการขจัดสารครีอะตินินในไตน้อยกว่า 45 มิลลิลิตรต่อนาทีไม่แนะนำให้ใช้ยาดังกล่าว กรุณาดูคำเตือนและข้อควรระวังเพิ่มเติมก่อนการใช้ยา

ความบกพร่องของระบบตับ: ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีความบกพร่องของระบบตับ เช่น มีสารบิลิรูบินมากกว่า 1.5 เท่าของจุดสูงสุดของระดับปกติ และ/หรือมีเอนไซม์ทรานส์อะมิเนสมากกว่า 3.0 เท่าของจุดสูงสุดของระดับปกติ (ไม่พบมะเร็งตับ) หรือมีมากกว่า 5.0 เท่าของจุดสูงสุดของระดับปกติ (พบมะเร็งตับ)

ข้อห้าม

ห้ามใช้โดยผู้ที่แพ้ยา Pemetrexed หรือยากระสายทุกประเภท ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง และผู้ที่กำลังให้นมบุตร

คำเตือนและข้อควรระวัง

การใช้ยาดังกล่าวจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของไขกระดูกลดลง ผู้ป่วยจึงต้องได้รับกรดโฟลิกและวิตามินบี12 เพื่อป้องกันไว้ก่อนการใช้ยา การได้รับยา Dexamethasone (หรือยาที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน) ยังสามารถช่วยลดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ การใช้ยา Pemetrexed เพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับการทำเคมีบำบัดอาจทำให้ไตทำงานผิดปกติหรือเกิดอาการไตวายได้ ผู้ป่วยส่วนมากที่เกิดอาการดังกล่าวมีประวัติการเกิดภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานมาก่อน สำหรับผู้ป่วยที่มีของเหลวในช่องท้องจากการรักษาควรถ่ายของเหลวเหล่านั้นออกให้หมดก่อนใช้ยา การได้รับยา Pemetrexed ร่วมกับยาอื่นๆ ที่เป็นพิษต่อเซลล์อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อหัวใจอย่างรุนแรงอย่างภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้ป่วยส่วนมากที่เกิดอาการดังกล่าวมีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือหลอดเลือดหัวใจมาก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับวัคซีนชนิดเชื้อเป็น (live attenuated vaccines)

ปฏิกิริยาตอบสนองต่อยา

การใช้ร่วมกับยาที่เป็นพิษต่อไตและท่อไตอาจส่งผลให้ยา Pemetrexed แสดงประสิทธิภาพช้ากว่าเดิม ถ้ามีความจำเป็นก็ควรจับตามองอัตราการกรองของเสียในไตอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้อักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งมีค่าครึ่งชีวิตของยา (eliminate half life) ยาวนาน อย่างน้อย 5 วันก่อนใช้ยา ระหว่างวันที่ใช้ยา และ 2 วันหลังการใช้ยา ผู้ป่วยที่มีระบบการทำงานของไตปกติ (อัตราการกรองของเสียในไตเท่ากับหรือมากกว่า 80 มิลลิลิตรต่อนาที) หากได้รับยา NSAIDs ในปริมาณมาก (เช่น ใช้ยา Ibuprofen มากกว่า 1,600 มิลลิกรัมต่อวัน) และได้รับยาแอสไพรินในปริมาณมาก (เท่ากับหรือมากกว่า 1.3 กรัมต่อวัน) อาจส่งผลให้ยา Pemetrexed เสื่อมประสิทธิภาพและมีโอกาสเกิดอาการแพ้ยาได้มากกว่าเดิม ผู้ป่วยที่มีระบบการทำงานของไตผิดปกติเล็กน้อยถึงปานกลาง (อัตราการกรองของเสียในไตตั้งแต่ 49-79 มิลลิลิตรต่อนาที) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา NSAIDs (เช่น ยา Ibuprofen) หรือยาแอสไพรินในปริมาณมาก 2 วันก่อนและหลัง รวมถึงวันที่ใช้ยา Pemetrexed ด้วย

ทั้งนี้ อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาต้านการจับตัวของเลือดกับยา Pemetrexed ส่งผลให้ต้องมีการตรวจวัดค่า INR (International Normalised Ratio) บ่อยกว่าเดิม ในกรณีที่ทำการรักษาผู้ป่วยด้วยการให้ยาต้านการจับตัวของเลือดทางปาก

การตั้งครรภ์และระยะการคัดหลั่งน้ำนม

หลีกเลี่ยงการใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์และช่วงให้นมบุตร

มีคำแนะนำผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ไม่ควรมีบุตรระหว่างการรักษาและจนกระทั่งถึง 6 เดือนหลังการรักษา เนื่องจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาการเป็นหมันซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น ขอแนะนำให้ผู้ชายควรเก็บเชื้อสเปิร์มไว้ก่อนเริ่มการรักษา ขณะที่ผู้หญิงวัยที่สามารถมีบุตรได้ต้องคุมกำเนิดระหว่างการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

การขับรถ และอื่นๆ

มีรายงานว่าการรักษาอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการง่วงนอน ผู้ป่วยต้องระมัดระวังก่อนขับรถและการใช้งานเครื่องจักร

ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

อาการทางโลหิตวิทยา: อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ ภาวะโลหิตจาง, leucopenia (ภาวะเม็ดเลือดขาวลดลง), neutropenia อาการทั่วไป ได้แก่ Febrile neutropenia และอาการติดเชื้อโดยไม่ได้เป็นโรค neutropenia อาการที่พบได้ยาก ได้แก่ Pancytopenia (ภาวะเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดลดลง)

อาการเกี่ยวกับช่องท้องและลำไส้: อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน อาการอักเสบของเยื่อบุเมือกในปาก/คอหอยอักเสบ อาการรับประทานอาหารแล้วคลื่นไส้ ท้องร่วง ท้องผูก อาการทั่วไป ได้แก่ Dyspepsia อาการปวดกล้ามเนื้อหน้าท้อง อาการที่พบได้ยาก ได้แก่ ลำไส้ใหญ่อักเสบ

อาการทั่วไป: อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย อาการทั่วไป ได้แก่ มีไข้ ตาแดง

การเผาผลาญและโภชนาการ: อาการทั่วไป ได้แก่ ภาวะร่างกายสูญเสียน้ำอย่างมาก

อาการเกี่ยวกับระบบประสาท: อาการส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ โรคของระบบประสาทด้านการรับรู้ อาการทั่วไป ได้แก่ โรคของระบบประสาทด้านกล้ามเนื้อที่มีส่วนต่อการเคลื่อนไหว และความรู้สึกต่อรสเสื่อมลง

อาการเกี่ยวกับไตและการถ่ายปัสสาวะ อาการส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ การเพิ่มขึ้นของ Creatinine การขจัด creatinine ลดลง อาการทั่วไป ได้แก่ ไตวาย

อาการเกี่ยวกับต้บ น้ำดีและท่อน้ำดี อาการส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ การเพิ่มขึ้นของ SGPT (ALT) และ การเพิ่มขึ้นของ SGOT (AST) การเพิ่มขึ้นของ GGT อาการที่พบได้ยาก: มีการรายงานโรคไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงระหว่างการทดลอง

อาการเกี่ยวกับผิวหนัง และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ ผื่นแดง/การตกสะเก็ด ขนร่วง อาการทั่วไป ได้แก่ ลมพิษ ปฏิกิริยาอาการแพ้/ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังรูปแบบ erythema multiforme และอาการคัน

อาการเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดในสมอง อาการที่พบได้ยาก ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตาย อาการเจ็บหน้าอกจากเส้นเลือดหัวใจตีบ อุบัติเหตุลอดเลือดในสมอง ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ภาวะหัวใจขาดเลือดชั่วคราว (มักเกิดขึ้นเมื่อให้ยาร่วมกับสาร cytotoxic อื่นๆ และมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ก่อนแล้ว) อาการทั่วไป ได้แก่ เจ็บหน้าอก

สำหรับรายละเอียดทั้งหมดที่กล่าวมาและผลข้างเคียงอื่นๆ กรุณาศึกษาในบทสรุปลักษณะของผลิตภัณฑ์ ทางเว็บไซต์ http://emc.medicines.org.uk

เกี่ยวกับลิลลี่ ออนโคโลจี ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี

กว่า 4 ทศวรรษที่ ลิลลี่ ออนโคโลจี (Lilly Oncology) ร่วมมือกับนักวิจัยโรคมะเร็ง เพื่อนำเสนอทางเลือกการรักษาที่เป็นนวัตกรรมก้าวหน้า และโปรแกรมที่มีคุณค่าแก่ผู้ป่วยและแพทย์ผู้ให้การรักษา ลิลลี่ ออนโคโลจี นำเสนอการรักษาที่มีมาตรฐานระดับโลก และการพัฒนาประวัติของการรักษาที่เป็นเป้าหมายใหม่ๆอย่างกว้างขวาง เพื่อเร่งขั้นตอนการรักษาโรคมะเร็ง

เกี่ยวกับ อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี

ลิลลี่ เป็นบรรษัทชั้นนำที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และกำลังพัฒนาประวัติผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์เป็นครั้งแรกในประเภทนั้นๆ และดีที่สุดในประเภทนั้นๆ ด้วยการปรับใช้ผลการวิจัยล่าสุดจากห้องทดลองทั่วโลกของบริษัทและจากองค์กรทางการแพทย์ที่มีความร่วมมือระหว่างกัน ลิลลี่ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองอินเดียนาโปลิส มลรัฐอินเดียน่า ลิลลี่หาคำตอบให้กับความต้องการทางการแพทย์ที่เร่งด่วนที่สุดในโลก ผ่านทางเวชภัณฑ์และข้อมูล

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยถ้อยความคาดการณ์เกี่ยวกับศักยภาพของยา ALIMTA สำหรับการรักษาโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก และสะท้อนความเชื่อมั่นของลิลลี่ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี เนื่องจากเวชภัณฑ์ยังอยู่ขั้นตอนการพัฒนา ย่อมมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอย่างยิ่งในระหว่างกระบวนการการพัฒนา การพัฒนาเชิงพาณิชย์ และการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการกำกับดูแล ดังนั้น ไม่สามารรับประกันได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติเพิ่มเติมจากคณะกรรมาธิการกำกับดูแล นอกจากนี้ ไม่มีการรับประกันว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ต่อไป สำหรับการพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ กรุณาตรวจสอบที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ลิลลี่ไม่มีหน้าที่ปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์

แหล่งข่าว: อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี

ติดต่อ: เกรกอรี่ แอล. คลาร์ก

บริษัทลิลลี่

+1-317-554-7119 (มือถือ)

[email protected]

หรือ

แชนเทล ซามอนเต้

บริษัท ซีพีอาร์ เวิลด์ไวด์

+1-202-550-4129 (มือถือ)

[email protected]

รูปภาพนิวส์คอม

http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20031219/LLYLOGO

รูปภาพพีอาร์เอ็น โฟโต้

--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--

[email protected]


ข่าวอีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี+Eli Lilly and Companyวันนี้

ซิลลิค ฟาร์มา เปิดตัวนวัตกรรมยาใหม่สำหรับรักษาโรคอ้วนและโรคเบาหวานในประเทศไทย มอนจาโร (เทอเซพาไทด์) จะมาถึงไทยในปลายเดือนพฤษภาคม 2568

ซิลลิค ฟาร์มา (Zuellig Pharma) ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำในเอเชีย ประกาศเปิดตัวยา มอนจาโร (เทอเซพาไทด์) นวัตกรรมยาใหม่สำหรับรักษาโรคอ้วนและโรคเบาหวานซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Eli Lilly and Company (บริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี) ในปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ซิลลิค ฟาร์มา ได้รับอนุญาตจากบริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี ให้เป็นผู้นำเข้า จัดจำหน่ายและส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ยามอนจาโร (เทอเซพาไทด์) ในประเทศไทย มอนจาโร (เทอเซพาไทด์) เป็นปากกาที่ใช้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง โดยมีข้อบ่งใช้ เพื่อควบคุมน้ำหนัก

คัลเลอร์คอน อิงค์ ได้รับรางวัล 2010 Lilly Global Supplier Award for Excellence

คัลเลอร์คอน อิงค์ (Colorcon, Inc.) ผู้นำของโลกในการพัฒนา จัดหา และให้การสนับสนุนทางเทคนิคด้านสารเคลือบยาสำเร็จรูปและสารเพิ่มปริมาณอื่นๆ ได้รับการคัดเลือกจากบริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี (Eli Lilly and Company) ...

โนวาเควสท์ ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี

โนวาเควสท์ ได้รับรางวัล “Global Sustained Supplier Award” จากซีอีโอ จอห์น เลคไลเตอร์ ในฐานะผู้สนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์แห่งความสำเร็จของลิลลี่ โนวาเควสท์ (NovaQuest) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรด้านการบริหารใน...

Triastek announces research collaboration with Lilly to explore the application of 3D printing technology in oral delivery of drugs

On July 13, 2022, Triastek, Inc. ("Triastek") announced a collaboration with Eli Lilly and Company ("Lilly"), a leading global pharmaceutical company, to leverage the...

New Data Show Lilly's Once-Weekly Trulicity(R) (dulaglutide) Solution for Injection is Effective as Add-on Treatment to Sulfonylurea

Trulicity 1.5 mg Demonstrates Superior Efficacy in AWARD-8 Trial New data from a completed Phase 3 trial show Trulicity(R) (dulaglutide) solution for injection 1.5 mg...

Detailed Results Demonstrate Baricitinib Superiority to Adalimumab in Improving Signs and Symptoms of Rheumatoid Arthritis

Once-daily oral baricitinib significantly improved all seven components of ACR response versus injectable adalimumab Patient-reported pain, joint stiffness, fatigue and physical...

European Commission Approves Trulicity(R) (dulaglutide) Solution for Injection, Lilly's Once-Weekly, Ready-to-Use Type 2 Diabetes Treatment

Trulicity, a glucagon-like peptide-1 (GLP-1) receptor agonist, is the only non-insulin, injectable diabetes treatment available in a pen with a no-see, no-handle...

Boehringer Ingelheim and Lilly Revising Operational Structure of Diabetes Alliance in Certain Countries

Significant portion of alliance opportunity will remain unchanged; some countries will transition to exclusive promotion in 2015 In a move that will strengthen their alliance by enhancing...