สายงานวิจัย TMC เร่งสร้างความแข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชู 5 แนวทางยกระดับความสามารถในการแข่งขันตามเกณฑ์ IMD

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง

สายงานวิจัยนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (Technology Management Center: TMC) แนะ 5 แนวทางหลักเสริมสร้างขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ควบคู่ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ถูกจัดอันดับโดย IMD โดยเร็ว ดร.ญาดา มุกดาพิทักษ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) เปิดเผยว่าที่ผ่านมา สถาบันนานาชาติเพื่อพัฒนาการจัดการ หรือ IMD (International Institute for Management Development) ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยประเมินจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) สมรรถนะด้านเศรษฐกิจ 2) ประสิทธิภาพของภาครัฐ 3) ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ และ 4) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ล่าสุดเมื่อปี 2550 ไทยได้ที่ 33 จาก 55 ประเทศ ปัจจัยหลักที่เราอ่อนแอมากที่สุดคือโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เราได้ลำดับที่ 49 และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีได้ลำดับที่ 48 ซึ่งตกต่ำจากปีที่แล้ว ดร. ญาดาฯ เผย 5 แนวทางหลักในการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ต้องพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาปัจจัยที่เป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของ IMD ได้แก่ 1) เพิ่มเงินลงทุนวิจัยและพัฒนา โดยสนับสนุนให้มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเอกชน ตัวเลขจากการสำรวจเมื่อปี 2550 พบว่าค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของไทยในปี 2548 มีมูลค่ารวมเพียง 16,667 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.24% ของ GDP ในขณะที่ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และสิงคโปร์ เค้าทุ่มกันที่ 3.3% 2.9% และ 2.5% และ 2.3% ของ GDP ตามลำดับ มาตรการทางการเงินการคลังที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กรมสรรพากรให้หน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนหักลดค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาได้ 200% ของรายจ่ายจริง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาทักษะ เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษาของ BOI เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การร่วมลงทุน การให้บริการคำปรึกษาทางเทคนิค หรือแม้แต่ทุนวิจัยและพัฒนาแบบให้เปล่าของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง ก็ยังไม่เพียงพอ เราต้องเพิ่มมาตรการใหม่ๆ เช่น ตั้งกองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย พัฒนาธุรกิจเงินร่วมลงทุน เป็นต้น 2) สร้างบุคลากรวิจัย ปัจจุบันไทยมีบุคลากรวิจัยประมาณ 4 หมื่นคนถ้าคิดแบบทำงานเต็มเวลา หรือเท่ากับ 5.9 คนต่อประชากร 10,000 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าญี่ปุ่น 12 เท่า เราน่าจะเพิ่มสัดส่วนให้เป็น 10 คนต่อประชากร 10,000 คนให้ได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า สิ่งที่น่าจะทำคือการพัฒนานักวิจัยให้มีปริมาณและคุณภาพเพิ่มขึ้นโดยใช้กลไกศูนย์แห่งความเป็นเลิศ (Center of Excellence: COE) ที่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย และอุตสาหกรรมผลิตบัณฑิตปริญญาโทและปริญญาเอกให้เป็นนักวิจัย ปลูกฝังให้เยาวชนรักที่จะทำวิจัยตั้งแต่วัยเยาว์และอยากเป็นนักวิจัยเมื่อเติบโตขึ้น รวมไปถึงการสร้างเส้นทางอาชีพให้นักวิจัยไทย 3) กระตุ้นให้เยาวชนสนใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนในรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น โครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร ค่ายเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 4) ส่งเสริมให้มีการจดสิทธิบัตร โดยสนับสนุนให้ภาคการผลิตและนักวิจัยตระหนักในความสำคัญของสิทธิบัตร สนใจที่จะสร้างผลงานที่มีคุณค่าเพื่อจดสิทธิบัตร และใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตรที่มีอยู่ให้มากขึ้น ในปี 2549 ประเทศไทยมีสิทธิบัตรที่ได้รับการจด 1,878 รายการ ในจำนวนนี้มีเพียง 30% ที่ได้รับการจดโดยคนไทย เราจำเป็นต้องปรับกฎระเบียบบางอย่างให้คล่องตัวและเอื้ออำนวยให้นักวิจัยได้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น การจดสิทธิบัตรเป็นไปด้วยความรวดเร็วและสะดวกขึ้น 5) เพิ่มผลงานตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยส่งเสริมให้นักวิจัยไทยตีพิมพ์ผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในวารสารทั้งในและต่างประเทศ กำหนดให้ผลงานตีพิมพ์เป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานที่สำคัญของหน่วยงาน สร้างแรงจูงใจโดยการให้รางวัลสำหรับนักวิจัยหรือสถาบันที่มีการตีพิมพ์ผลงาน ในปี 2549 ประเทศไทยมีผลงานตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในวารสารวิชาการในประเทศทั้งสิ้นเพียง 2,855 บทความ และมีผลงานตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในฐานข้อมูล Science Citation Index (SCI) จำนวน 3,075 บทความ นับว่ายังน้อยมาก “อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดลง เป็นสัญญาณเตือนให้เราปรับปรุงแก้ไขปัจจัยที่เป็นจุดอ่อน เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge –Based Economy/ Society) เช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่เราต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน” ดร. ญาดาฯ กล่าว

ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี+ญาดา มุกดาพิทักษ์วันนี้

เนคเทค สวทช. ปิดฉาก AI Thailand Hackathon 2025 เผยโฉมสุดยอดนักพัฒนาไทย โชว์ศักยภาพ "ปรุงโมเดล AI สู่บริการจริง" บนแพลตฟอร์ม AI for Thai

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ประกาศผลการแข่งขัน AI Thailand Hackathon 2025 ภายใต้หัวข้อ "From AI Model to Service on AI for Thai" ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ เผยโฉมสุดยอดทีมนักพัฒนา AI รุ่นใหม่ที่สามารถเปลี่ยนโมเดล AI ให้กลายเป็นบริการที่แข็งแกร่ง (Robust) พร้อมใช้งานจริงและต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ หลังขับเคี่ยวพัฒนาโซลูชันอย่างเข้มข้นตลอด 3 วัน 2 คืน ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย การ

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่า... วว. พร้อมโชว์นวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย วทน. ในงาน อว.แฟร์ /มหกรรมวิทย์ 2568 — นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาส...

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ชวนคุณ... เพิ่มทักษะ พิชิตอนาคต กับหลักสูตรระยะสั้นจาก ม.หัวเฉียวฯ — มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ชวนคุณมาเพิ่มพูนทักษะสำคัญในสายงานดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์และเ...

"มะขามป้อม" เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน... วว. พัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางสมุนไพรจากสารสกัดมะขามป้อมในระดับกึ่งอุตสาหกรรม — "มะขามป้อม" เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ สามารถบำรุงร่างกายได้เกือบทุกส่วน อ...

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งช... สวทช. เปิดตัว "ไผ่ตัดอายุ" นวัตกรรมยกระดับการปลูกไผ่ไทย สู่เศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน — สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิ...

มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ประสบความสำเร็... มรภ.รำไพพรรณี จันทบุรี ผนึกกำลัง 3 หน่วยงานใหญ่ จัดประชุมวิชาการนานาชาติ — มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการเป็นศูนย์กลางองค์คว...