เดินหน้าพัฒนาวงการลูกหนังต่อเนื่อง เปิดสอนเทคนิคการเล่นฟุตบอล รุ่น 2

28 Apr 2008

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--กทม.

สถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานครเปิดสอนเทคนิคการเล่นฟุตบอล รุ่น 2 ประจำปี 2551 พัฒนากีฬาฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง ดึงโค้ช Everton ร่วมสอน หวังยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลของกรุงเทพมหานครให้เทียบเท่าสากล

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมสถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร รุ่นที่ 2 ประจำปี 2551 ณ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อฝึกสอนเทคนิคการเล่นกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนที่สนใจ และกระตุ้นให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อันจะเป็นการพัฒนากีฬาฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลของกรุงเทพมหานครให้เทียบเท่าสากล

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมสถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร รุ่น 2 มีเยาวชนที่สนใจสมัครเข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 600 คน ใช้ระยะเวลาการฝึกระหว่างวันที่ 21เม.ย. - 7 พ.ค. 51 โดยมีโค้ชผู้ฝึกสอนที่มีความเชี่ยวชาญในการเล่นฟุตบอล เช่น ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตศูนย์หน้าฟุตบอลทีมชาติไทย ตะวัน ศรีปาน และสมฤทธิ์ อ่อนสมจิตร สอนเทคนิคการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ถูกต้องให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ เทคนิคการควบคุมบอล การครองบอล การฝึกยิงประตูระยะใกล้ และระยะไกล ลูกตั้งเตะทั้งในและนอกกรอบเขตโทษ การเล่นเป็นทีมเวิร์ค รวมทั้งการสอนภาคทฤษฎีเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอล นอกจากนี้ยังมีโค้ชจากสถาบันสอนฟุตบอลสโมสร Everton ซึ่งเป็นสถาบันที่พัฒนากีฬาฟุตบอลของสโมสร Everton ให้เป็นทีมฟุตบอลชั้นนำในพรีเมียร์ลีก มาฝึกสอนเทคนิคการเล่นฟุตบอลระดับอาชีพให้กับเยาวชนในโครงการด้วย โดยเยาวชนที่ผ่านการฝึกด้วยคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80 จะได้รับวุฒิบัตรผ่านการฝึกอบรมกีฬาฟุตบอลจากสถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร (Bangkok Football Academy) ส่วนการฝึกตามโครงการดังกล่าวนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2550 มีเยาวชนที่ผ่านการฝึกอบรมจำนวน 827 คน ซึ่งโค้ชผู้ฝึกสอน จะมีการคัดเลือกเยาวชนที่มีผลงานดีในการฝึกอบรมจำนวน 18 คน เข้าร่วมรับการอบรมกับสถาบันสอนฟุตบอล Everton ในระหว่างวันที่ 1–14 พ.ค. 51 เพื่อพัฒนาสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพต่อไปในอนาคต

ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการพัฒนากีฬาฟุตบอลในอนาคตนั้น กรุงเทพมหานครมีแผนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านเทคนิคการเล่นฟุตบอลให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมจะผลักดันให้ทั้ง 50 เขต จัดตั้งเป็นชมรมกีฬาฟุตบอลเพื่อเพิ่มศักยภาพของนักกีฬาในชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพัฒนาให้เป็นสโมสรฟุตบอลของแต่ละเขต เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับประเทศ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับเยาวชนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอลระดับอาชีพ สู่วงการฟุตบอล และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติด้วย