หนังสือรางวัลซีไรต์ปี ๒๕๔๙ โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--8 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม

“ความสุขของกะทิ” เป็นนวนิยายขนาดสั้น เล่าเรื่องราวของกะทิ เด็กหญิงวัย ๙ ขวบ ที่ต้องผ่านประสบการณ์การสูญเสียครั้งสำคัญที่สุด เมื่อแม่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร กะทิได้ผ่านขั้นตอนความสุขและทุกข์ ความผูกพันและการพลัดพราก ความสมหวังและความสูญเสีย ถึงกระนั้นกะทิได้เรียนรู้ว่าความทุกข์จากการสูญเสียไม่อาจพรากความสุขจากความรักและความผูกพันของแม่กับเธอได้ เด็กน้อยเติบโตขึ้นจากประสบการณ์นี้ด้วยความเชื่อมั่นและกำลังใจในการดำรงชีวิตต่อไปจากบุคคลใกล้ชิด...ผู้ที่เธอรักและรักเธอ “ความสุขของกะทิ เป็นงานศิลปะที่สร้างสรรค์องค์ประกอบอย่างหมดจดงดงาม สื่อแนวคิดซึ่งเป็นที่เข้าใจได้สำหรับคนอ่านหลากหลายไม่ว่าอยู่ในวัยและวัฒนธรรมใด เสน่ห์ของนวนิยายเรื่องนี้อยู่ที่กลวิธีการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ เผยปมปัญหาทีละน้อย ๆ ผ่านมุมมองของตัวละครเอก ด้วยภาษารื่นรมย์แฝงอารมณ์ขัน สอดแทรกความเข้าใจชีวิตที่ตัวละครได้เรียนรู้ไปตามประสบการณ์ ความสะเทือนอารมณ์จะค่อยๆ พัฒนาและดิ่งลึกในห้วงนึกคิดของผู้อ่าน นำพาให้ผู้อ่านอิ่มเอมกับรสแห่งความโศกอันเกษมที่ได้สัมผัสประสบการณ์ของชีวิตเล็ก ๆ ของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง” คำประกาศของคณะกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ปัจจุบันหนังสือเรื่อง “ความสุขของกะทิ” อนุญาตลิขสิทธิ์เพื่อแปลและจำหน่ายใน ๙ ประเทศ คือ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมนี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส เมื่อ “กะทิ” กลายเป็น “หนัง” โดย ภาพยนตร์ชูใจ ด้วยยอดจำหน่ายกว่าสองแสนเล่ม ทำให้ ความสุขของกะทิ เป็นหนังสือที่มีจำนวนผู้อ่านมากเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย ผู้อ่านส่วนใหญ่รักและผูกพันกับเด็กหญิงกะทิตัวเอกของเรื่อง จึงได้เวลาที่จะเสนอหนังสือเล่มนี้ในรูปแบบภาพยนตร์เพื่อความประทับใจในอีกรูปแบบหนึ่ง ความรักและความผูกพันอันเป็นสายใยในครอบครัวเล็ก ๆ ริมคลองในอยุธยาที่แฝงปรัชญาการใช้ชีวิตเรียบง่ายให้มีความสุขแม้จะมีความสูญเสียเกิดขึ้น เหมาะที่จะให้ความบันเทิงที่เรียกเสียงหัวเราะและน้ำตาได้จากคนทุกเพศทุกวัย รวมทั้งเปี่ยมด้วยความเป็นไทยอันโดดเด่น ที่ทำให้พร้อมสู่ตลาดอินเตอร์อีกด้วย ภาพยนตร์ชูใจ ภาพยนตร์ชูใจ คือกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วม คลุกคลี และคร่ำหวอดในแขนงงานต่าง ๆ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่ต่างผ่านโมงยามในการเรียนรู้ หลงใหล ในเสน่ห์ของภาพยนตร์ในฐานะคนรักหนังมาแรมปี โดยหวังไว้สักวันหนึ่งว่าจะได้มีโอกาสถ่ายทอดความคิด ผลักดันไอเดียที่แล่นผ่านเข้ามาในชีวิต ออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์ที่มุ่งสื่อสารกับผู้คนกลุ่มใหญ่ และในวันนี้ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในนามของกลุ่มภาพยนตร์ชูใจกำลังจะถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ได้รับเกียรติจากนวนิยายเรื่อง “ความสุขของกะทิ” วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือรางวัลซีไรต์ ปี ๒๕๔๙ มาสร้างเป็นผลงานภาพยนตร์เปิดตัวเรื่องแรก เนื่องจากเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาดีตรงตามแนวทางของกลุ่มที่เน้นการสร้างภาพยนตร์ที่ช่วยเชิดชูยกระดับจิตใจและสร้างสรรค์สังคม โดย “ความสุขของกะทิ” เป็นหนังสือที่มีการขมวดปมทางอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างความประทับใจ อบอุ่นอบอวลให้กับแฟนหนังสือได้อย่างลงตัวที่สุด และนอกจากนี้ทางภาพยนตร์ชูใจยังได้รับเกียรติอย่างสูงจาก คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ ในการถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กหญิงกะทิผ่านบทภาพยนตร์ร่วมกับผู้กำกับ คุณเจนไวย์ ทองดีนอก เป็นครั้งแรกอีกด้วย และยังมี ๒ สาวเก่งผู้คร่ำหวอดในวงการภาพยนตร์ไทยอย่าง คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ และ คุณสุฐิตา เรืองรองหิรัญญา รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ เรื่องย่อ “ความสุขของกะทิ” โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ เด็กหญิงกะทิอายุ ๙ ปีอาศัยอยู่บ้านทรงไทยริมคลองที่อยุธยากับตาและยาย ทุกวันเธอตื่นแต่เช้า คดข้าวใส่ขันและไปใส่บาตรกับตาที่ท่าน้ำหน้าบ้าน หลวงลุงนั่งเรือมารับบาตรและมีเด็กวัดที่เป็นหลานชื่อ ทอง พายเรือมาให้ กะทิซ้อนท้ายจักรยานตาไปขึ้นรถสองแถวที่หน้าปากซอยเพื่อไปโรงเรียน เธอมีปิ่นโตใส่อาหารกลางวันที่ยายเตรียมให้ไปโรงเรียนด้วย กะทิมีความสุขดีในบ้านหลังน้อยที่ล้อมรอบด้วยไม้ไทย ในวันว่างตาชวนกะทิพายเรือไปเที่ยวเล่นในทุ่งและไปจนถึงศาลาริมน้ำใต้ต้นก้ามปู ตาเคยเป็นทนายมีชื่อเสียงในกรุงเทพฯ เมื่อเกษียณแล้วจึงย้ายกลับมาบ้านเกิด บูรณะบ้านไทยและใช้ชีวิตบั้นปลายช่วยเหลือผู้คนในท้องถิ่น ยายเคยทำงานเป็นเลขานุการนายใหญ่โรงแรมห้าดาวและเลือกที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นกัน กะทิมีพี่ทองเป็นเพื่อนเล่น ชีวิตดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแม้ว่าไม่สมบูรณ์ครบถ้วนอย่างที่ควรจะเป็น กะทิจำแม่ได้เพียงลาง ๆ ตายายไม่พูดถึงแม่ ในบ้านไม่มีรูปถ่ายแม่ กะทิคิดถึงแม่ทุกวัน อยากพบหน้า อยากให้แม่มารับที่โรงเรียน กะทิอธิษฐานทุกวันให้ฝันเป็นจริง แล้ววันหนึ่งยายก็ถามกะทิว่า “กะทิ อยากไปหาแม่ไหมลูก” เพียงเท่านี้การเดินทางของกะทิก็เริ่มขึ้น ตายายบอกกะทิว่าแม่ป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านชายทะเล ชฏาหรือน้าฏา เลขาฯ ของแม่ ขับรถมารับ อาการของแม่หนักแล้วและตั้งใจให้กะทิมาใช้เวลาช่วงสุดท้ายด้วยกัน โรคของแม่คือเอแอลเอส กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ จนช่วยตัวเองไม่ได้และถึงขั้นหายใจเองไม่ได้ แม่ไม่ยอมใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะจะทำให้พูดไม่ได้ แม่เลือกที่จะทอนเวลาชีวิตลงแต่อยู่อย่างมีคุณภาพ กะทิได้รู้ว่าแม่ตัดสินใจฝากกะทิไว้กับตายายเมื่อรู้ว่าไม่สามารถดูแลกะทิได้เอง เหตุการณ์ที่ทำให้แม่ตัดสินใจคือเมื่อกะทิอายุ ๒ ขวบ แม่พากะทิไปพายเรือเล่นจนถึงศาลาริมน้ำ แต่เกิดพายุและกลับบ้านไม่ทัน กะทินั่งอยู่ในเรือและเรือหลุดจากเสาที่ผูกไว้โดยที่แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย วันนั้นโชคดีที่ทองเด็กวัดตามมาหาเพื่อนเล่นจึงช่วยกะทิกับแม่ไว้ได้ กะทิอยู่กับตายายนับจากวันนั้นและเมื่อรู้เหตุผลจากปากของแม่ก็เข้าใจ แม่จากไปอย่างสงบและฝากให้เพื่อนของแม่ชื่อ กันต์ และลูกพี่ลูกน้องชื่อ ตอง เป็นคนพากะทิกลับไปที่คอนโดกลางกรุงเพื่อพบกับส่วนหนึ่งของชีวิตแม่ กะทิจึงเดินทางอีกครั้งและมาถึงคอนโดที่กะทิเคยอยู่กับแม่ก่อนจะพลัดพรากกัน ที่นี่มีห้องหนึ่งที่แม่จัดเก็บเอกสารเรื่องราวชีวิตของตัวเองไว้ ลุงตองเป็นคนพากะทิไปเปิดตู้เอกสารและทำให้กะทิพบว่าพ่อของกะทิชื่อ แอนโทนี ซัมเมอร์ ชาวพม่าที่ไปเติบโตที่อังกฤษ แม่พบพ่อเมื่อไปเรียนต่อและทำงานที่นั่น ทั้งสองรักและแต่งงานกัน แต่แม่ได้งานใหญ่ที่ฮ่องกงทำให้ต้องแยกกันอยู่ ไม่นานแม่ก็รู้ว่าคนรักเก่าของพ่อตามมาพบกันและแม่ตัดสินใจให้คนทั้งสองสมหวัง แม่เลือกเดินทางกลับมาอยู่กรุงเทพฯ และพบว่าตัวเองตั้งท้อง แม่เตรียมจดหมายไว้ให้กะทิส่งถึงพ่อและสั่งไว้ว่าให้กะทิตัดสินใจเองว่าจะส่งหรือไม่ บทสุดท้ายของหนังสือทำให้รู้ว่ากะทิเลือกและพอใจที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับตายายที่บ้านริมคลองสืบไป Cast กะทิ : รับบทโดย น้องพลอย-ภัสสร คงมีสุข เด็กหญิงวัย ๙ ปี ผูกพันกับแม่แม้จะแยกกันอยู่ตั้งแต่ ๕ ขวบ เป็นเด็กช่างคิดกว่าวัยเพราะโตมากับตายาย นิสัยร่าเริงตามประสาเด็ก แต่มีโลกทัศน์ในเชิงบวก และกล้าหาญเมื่อถึงวันต้องตัดสินใจ พี่ทอง : รับบทโดย นิธิศ โค้วสกุล เด็กวัด วัย ๑๔ ปี ทองกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกะทิโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาได้ช่วยชีวิตกะทิไว้ในวันฝนตก ทองมีนิสัยชอบช่วยผู้อื่นโดยธรรมชาติและโดยการอบรมของหลวงลุง เขารับกะทิเป็นน้องเล็กตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นเมื่อมารับบิณฑบาตกับหลวงตา และความรู้สึกนี้ไม่เคยแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาเลย แม่ (ณภัทร) : รับบทโดย รัชนก แสงชูโต ทนายสาว วัย ๓๗ ปี ล้มป่วยเมื่ออายุ ๓๓ หลังจากหย่าขาดจากสามี เธอจึงเลี้ยงลูกตามลำพังท่ามกลางครอบครัวและเพื่อนที่คอยเป็นกำลังใจ เมื่อรู้ว่าไม่อาจดูแลลูก จึงฝากลูกไว้กับพ่อแม่ และใช้เวลาที่เหลือเตรียมทุกสิ่งไว้ให้ลูกก่อนก่อนตัวเองต้องจากไป ความรักเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในชีวิตของณภัทร และลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อชีวิตใกล้มอดดับ ตา : รับบทโดย สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ พิทักษ์ อดีตทนายนักเรียนนอก วัย ๖๗ ปี ที่หันหลังให้กับชีวิตเมืองกรุง และย้ายกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในอยุธยา กับภรรยา และ “กะทิ” หลานสาว ที่ “ณภัทร” ลูกสาวคนเดียวฝากไว้ในความดูแล ชีวิตบั้นปลายของพิทักษ์จึงมีสีเข้มขึ้นกว่าที่เจ้าตัวคิดไว้ และทุกนาทีมีค่าเมื่อต้องประคับประคองชีวิตหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้นให้ออกก้าวเดิน ยาย : รับบทโดย จารุวรรณ ปัญโญภาส ลัดดา อดีตเลขานายใหญ่โรงแรมห้าดาว วัย ๖๔ ปี ยายของ “กะทิ” ที่พอใจกับชีวิตเรียบง่าย รอยยิ้มของลัดดาหายไปเมื่อรับรู้ว่าลูกสาวคนเดียวมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และภาระความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูหลานชวนให้ต้องใช้สติในการตัดสินใจ ลุงตอง : รับบทโดย ไมเคิล เชาวนาศัย ลุงตอง ลุงของกะทิ วัย ๓๙ ปี เป็นลูกพี่ลูกน้องของ “ณภัทร” แม่ของกะทิ โดยนิสัยเป็นคนใจดี รักพี่น้องและพวกพ้องมาก ผูกพันกับณภัทรมาตั้งแต่เล็ก เป็นคนมีอารมณ์ขันหยิกแกมหยอก แต่ลุงตองมีสายตาแหลมคมและมองโลกในมุมปรัชญาเสมอ น้าฎา (ชฎา) : รับบทโดย เข็มอัปสร สิริสุขะ หญิงสาววัย ๒๗ ปี เป็นเลขาฯ ให้ณภัทรและกลายเป็นมือขวาในทุกเรื่องให้เธอจนถึงวาระสุดท้าย หัวใจเธอสลายเมื่อรู้ว่าณภัทรป่วยหนัก แต่ก็เป็นเวลาที่ทำให้เธอได้รู้จักความเข้มแข็ง ความเสียสละ และรักแท้ที่แม่มีให้ลูก เธอไม่อาจห้ามใจผูกพันกับเพื่อนรุ่นน้องของณภัทรได้ และรู้ว่ามีโอกาสน้อยเหลือเกินที่เขาจะมองมา แต่นั่นก็เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอที่ได้ใกล้ชิดเขาในช่วงเวลาหนึ่ง สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวงามพรรณ เวชชาชีวะ+เรื่องราววันนี้

โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!) ผลงานเขียนวรรณกรรมเยาวชนเรื่องแรกของ งามพรรณ เวชชาชีวะ

นานมีบุ๊คส์ จัดงานเสวนาแนะนำนวนิยายเยาวชนแสนอบอุ่น "โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!)ภายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 45 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 15 เชิญ งามพรรณ เวชชาชีวะ ผู้เขียน มาร่วมพูดคุยถึงเบื้องหลังการสร้างสรรค์งานเขียนวรรณกรรมเยาวชนเรื่องแรก ชวนนักอ่านเข้าสู่โลกออร์แกนิกน่ารู้ พร้อมด้วยคุณต้องการ ผู้วาดภาพประกอบ มาเผยความลับการใช้เทคนิคสีน้ำจากดอกไม้ ปลุกตัวละครให้มีชีวิตโลดแล่นในหน้ากระดาษ ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวสุดละมุนละไมได้อย่างลงตัว ณ เวทีเอเทรียม ศูนย์ประชุม

ภาพข่าว: ป.ป.ช. จัดทำละครต้านทุจริต

สำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าว “การจัดทำและเผยแพร่หนังสือคดีทุจริต และละครป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันและเสริมสร้างจริยธรรมคุณธรรม” โดยมี นายชาตรี ทองสำริ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ คณะอนุกรรมการขับ...

ผ่านพ้นกันไปแล้วกับงานมหกรรมหนังสือระดับช... ประมวลภาพ PostBooks @ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 18 ฯ — ผ่านพ้นกันไปแล้วกับงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 18 ที่ผ่านมา สำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์ ใ...

ภาพข่าว: งานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ "ฟ้าสีทอง" ของ งามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนซีไรท์ ปี 2549

เมื่อเร็วๆ นี้ สนพ.โพสต์บุ๊กส์ ในเครือบริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) นำโดยศุภกรณ์ เวชชาชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.โพสต์พับลิชชิ่ง (ยืนที่ 2 ขวา) ภาณี ลอยเกตุบก.บห.สนพ. (ขวาสุด) วรินทร์ธรา บก.ต้นฉบับ...

ภาพข่าว: นักเขียนสำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์ เข้ารับรางวัลนักแปลดีเด่น รางวัลสุรินทราชา ประจำปี 2556

คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ (คนที่ 5 จากซ้าย)และคุณถ่ายเถา สุจริตกุล (คนที่ 3 จากขวา)นักเขียนและนักแปลของสำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์ เข้ารับประกาศเกียรติคุณ รางวัลนักแปลดีเด่น รางวัลสุรินทราชา ประจำปี 2556 จากสมาคมนัก...

กสิกรไทย เปิดตัว 3 เรื่องสั้นรูปแบบอีบุ๊ค ปลุกพลังฝันบนโลกดิจิตอล

ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของบริการ “ดิจิตอล แบงกิ้ง” เปิดตัว 3 เรื่องสั้นในรูปแบบอีบุ๊ค ภายใต้แนวคิด “New Possibility Happens” ปลุกพลังความฝันของคนรุ่นใหม่ ด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องสั้นที่ถ่ายทอดโดย 3นักเขียนชื่อดัง ...

เวิร์คพอยท์สำนักพิมพ์ ขอเชิญร่วมงานเปิดหนังสือแผนที่มรกตมนตราThe Emerald Atlas “ดิ เอเมอรัลด์ แอตลาส (The New York Time Bestsellers )

เวิร์คพอยท์สำนักพิมพ์ขอเชิญท่องโลกวรรณกรรมแฟนตาซีสุดระยิบระยับในงานเปิด หนังสือแผนที่มรกตมนตราThe Emerald Atlas “ดิ เอเมอรัลด์ แอตลาสThe New York Time Bestsellers ...

ภาพข่าว: กลุ่มธุรกิจ พรินเตอร์ ฟูจิ ซีร็อกซ์ เปิดตัวสื่อการอ่านรูปแบบใหม่ ภายใต้โครงการ “Big Font”

กลุ่มธุรกิจ พรินเตอร์ ฟูจิ ซีร็อกซ์ เปิดตัวสื่อการอ่านรูปแบบใหม่ภายใต้โครงการ “Big Font” เพื่อคนสายตาเลือนราง ผ่านหนังสือชุด “ความสุขของกะทิ” ครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มธุรกิจพรินเตอร์ บริษัท...

กลุ่มธุรกิจพรินเตอร์ ฟูจิ ซีร็อกซ์ นำเสนอสื่อพิเศษ “Big Font” เติมเต็มการอ่านผู้มีสายตาเลือนราง ผ่านงานวรรณกรรมทรงคุณค่า “ความสุขของกะทิ” ครั้งแรกในเมืองไทย

กลุ่มธุรกิจพรินเตอร์ บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย (สบท.) โดยการสนับสนุนจากคุณงามพรรณ เวชชาชีวะ, นัก...