วิจัยระบุควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์ เพราะเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส

ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ แสดงผลการศึกษาวิจัยของแฟรงค์ ฮู รองศาสตราจารย์ด้านโภชนาการและระบาดวิทยา และ คิ ซัน ผู้ช่วยนักวิจัยที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกรดไขมันทรานส์กับการเกิดโรคหัวใจ โดยพบว่าผู้หญิงที่มีระดับของไขมันทรานส์ในเลือดสูงที่สุด มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบ เทียบกับคนที่มีระดับไขมันทรานส์ในเลือดต่ำสุด ไขมันทรานส์ เป็นไขมันที่พบได้จากกระบวนการแปรสภาพไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นไขมันอิ่มตัวสูง โดยการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) ทำให้น้ำมันที่อยู่ในสภาพของเหลวเปลี่ยนเป็นไขมันที่มีสภาพแข็งขึ้นหรือเป็นของกึ่งเหลว พบในอุตสาหกรรมการผลิตเนยเทียม เนยขาว น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน เนื่องจากคนเรานั้นไม่สามารถสร้างกรดไขมันทรานส์ได้ ปริมาณของกรดไขมันทรานส์ที่ตรวจพบที่เซลล์เม็ดเลือดแดง จึงเป็นดัชนีที่ดีมากสำหรับใช้ตรวจสอบปริมาณกรดไขมันทรานส์ที่รับประทานเข้าไปในร่างกาย การศึกษาวิจัยชิ้นนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ โดยทำการเก็บตัวอย่างเลือดในปี ค.ศ. 1989 และ 1990 จากอาสาสมัครจำนวนทั้งสิ้น 32,826 คนจากโครงการบริกแฮมและโครงการศึกษาสุขภาพของพยาบาลในโรงพยาบาลหญิง ทำการติดตามผลเป็นระยะเวลา 6 ปี พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจจำนวน 166 ราย ผลทางคลินิกแสดงให้เห็นว่ากรดไขมันทรานส์ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) เพิ่มขึ้น และระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลง ซึ่งให้ผลเช่นเดียวกับกรดไขมันอิ่มตัว หลังจากปรับปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น อายุ การสูบบุหรี่ การบริโภคอาหาร และการใช้ชีวิต คณะผู้วิจัยพบว่าระดับกรดไขมันทรานส์ในเลือดที่สูงขึ้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผู้หญิงที่มีปริมาณกรดไขมันทรานส์ในเม็ดเลือดแดงสูงจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเป็น 3 เท่าของผู้หญิงที่มีกรดไขมันทรานส์ในเม็ดเลือดแดงต่ำ จากหลักฐานผลงานวิจัยต่างๆ ส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ ต่างตื่นตัวใน เรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก และได้กำหนดให้อาหารที่มีปริมาณไขมันทรานส์เกิน 0.8 กรัมต่อการกิน 1 ครั้ง และอาหารที่มีปริมาณไขมันทรานส์รวมกับไขมันอิ่มตัวเกิน 4 กรัมต่อการกิน 1 ครั้ง ต้องระบุปริมาณไขมันไว้ในฉลากโภชนาการ และยังพยายามที่จะปรับการนำไขมันชนิดทรานส์มาใช้กับอาหารให้น้อยลงหรือ ไม่ใช้เลย โดยเฉพาะในร้านอาหาร ภัตตาคาร ตลอดจนผู้ประกอบการด้านอาหาร รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการลดหรือเลิกบริโภคไขมันชนิดนี้ด้วย สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ยังไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องระบุปริมาณไขมันทรานส์บนฉลากโภชนาการ แต่การติดฉลากระบุปริมาณไขมันทรานส์ ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพได้ดีขึ้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งควรเพิ่มการรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักในการอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าปริมาณไขมันทรานส์และชนิดอื่นๆ ที่จะรับประทานไม่สูงเกินปริมาณแนะนำ ฉะนั้น ในฐานะผู้บริโภคจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์สูง เช่นในมาการีนหรือเนยเทียม เนยขาว และน้ำมันทอดซ้ำจนเริ่มหนืด และลดอาหารที่มีความเสี่ยงรองลงมา ได้แก่ ไก่ทอด คุกกี้ เวเฟอร์ ขนมปัง มันฝรั่งทอด และขนมขบเคี้ยว หรือควรเลือกทานในปริมาณน้อยและไม่กินซ้ำบ่อยๆ หรือใน 1 วัน ควรรับประทานอาหารประเภททอด ผัด หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน ไม่เกิน 1 มื้อ เช่น โดนัทไม่ควรกินเกิน 1 ชิ้นต่อ 1 วัน อีกทั้งไม่ควรกินซ้ำๆ บ่อยๆ หรือทุกวัน รวบรวมข้อมูลและเผยแพร่: ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และศูนย์ผู้บริโภคเนสท์เล่ ประเทศไทย โทร. 0-2657 8657 e-mail: [email protected] สุมาลี ติณวัฒน์ พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส โทร. 0-2651 8989 ต่อ 336

ข่าวมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด+คณะสาธารณสุขศาสตร์วันนี้

วิจัยระบุไขมันส่งผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ เสี่ยงต่อการเป็นหมันถึง 2 เท่า

ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ แสดงรายงานผลการศึกษาวิจัยชิ้นใหม่ของ ดร. จอร์จ อี เชาวาโร และคณะ จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เมืองบอสตัน ในวารสารโภชนคลีนิคของ อเมริกัน พบว่า หญิงที่ต้องการจะตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีไขมันชนิดทรานส์ โดยเมื่อหญิงเหล่านี้กินอาหารที่มีไขมันชนิดทรานส์ (Trans fats) มากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสเป็นหมันมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักตัวอีกด้วย ไขมันชนิดทรานส์ เป็นไขมันที่ทำจากไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ผ่านขบวนการเติมไฮโดรเจน เพื่อให้เป็น

ผลวิจัยระบุเป็นโรคอ้วน อายุ 18 ปี เพิ่มโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตในช่วงวัยกลางคน

ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ แสดงรายงานผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนขณะมีอายุ 18 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเสียชีวิตในช่วงวัยกลางคน เมื่อเปรียบ...

ผลวิจัยระบุอาหารเส้นใยสูง เหมาะสำหรับเป็นอาหารเช้า แถมช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ

ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ แสดงรายงานผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดพบว่า คนที่กินอาหารเช้าจะผอมกว่าคนที่งดอาหารเช้า โดยงานวิจัยจากโครงการสังเกตการณ์สุขภาพผู้ชายของ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด...

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติด ๒๐๐ อันดับมหาวิทยาลัยโลก

เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ๒๐๐ อันดับแรก ประจำปี ๒๕๔๘ โดย The Times Higher นิตยสารไทม์ส ประเทศอังกฤษ ฉบับวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๐๐๕ ปรากฏว่า ...

Gossip News สายด่วนวงการศึกษาโรงเรียนนานาชาติ

“ คุณหนู ” หรือ คุณวรรณี เจียรวนนท์ รอสส์ ลูกสาวคนโต เจ้าสัวธนินทร์ ออกตัวแทนบุญคุณแผ่นดินและสังคมไทย ด้วยการสร้างแหล่งเพาะบ่มต้นกล้าให้อนาคตของชาติไทยในอนาคต ด้วยการจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติ “Concordian International School” หรือที่รู้จักกันดีในนาม CIS ณ...

ซีอีโอแห่งไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สเปิดตัวคัมภีร์สำหรับนักบริหารสร้างศรัทธานักลงทุนแนะองค์กรปฏิรูปวิธีจัดทำรายงานแบบโปร่งใส

กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย) ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เปิดตัวคัมภีร์นักบริหารเล่มใหม่ "Building Public Trust: The Future of Corporate Reporting" ...