แนนซี่ส์ สเปคเชียลตี้ ฟู้ดส์ ผู้ผลิตคีชคัสตาร์ดรสนุ่ม นำระบบอาร์เอฟไอดี ปรับปรุงการจัดการระบบสินค้าคงคลัง ลดภาวะขาดทุน

22 Jul 2008

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--คอร์ แอนด์ พีค

อุตสาหกรรม: สินค้าบริโภค

ตลาด: อาหาร

แอพพลิเคชัน: การรับสินค้าคงคลัง, สินค้าคงคลังระหว่างกระบวนการ (WIP), การจัดการสินค้าคงคลัง (ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดหรือห้องเย็น), การเก็บ, การจัดส่ง

ผลิตภัณฑ์: CV60, IF4 (ที่ติดตั้งกับรถโฟร์คลิฟท์), 751, IP3, แท็ก RPC, ฉลากอัจฉริยะ (Smart Label), Cisco AP 1200, IF5 ผลตอบแทนการลงทุน: บริษัทแนนซี่ส์คาดว่าจะลดผลการขาดทุนลงและทำรายได้ 100,000 ดอลลาร์ภายในหนึ่งปี และมีรายได้ 300,000 ดอลลาร์ในอีกหลายปีต่อมา

ในเดือนสิงหาคมของทุกปี บริษัท แนนซี่ส์ สเปคเชียลตี้ ฟู้ดส์ จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตคีช (อาหารฝรั่งเศสที่มีแป้งอบเปลือกแข็งใส่คัสตาร์ด) อย่างหนักเนื่องจากเป็นฤดูกาลแห่งเทศกาลวันหยุด บริษัท แนนซี่ส์ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนิววาร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องเพิ่มกำลังผลิตเป็นห้าเท่าของอัตราปกติที่ทำได้ โดยขณะนี้ห้องเย็นในโรงงานขนาด 86,000 ตารางฟุตสำหรับสำรองสินค้าไว้เตรียมจำหน่ายนั้นมีพื้นที่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งหนึ่งที่ร้านแนนซี่ส์จะยังคงดำเนินการต่อไปก็คือการอบคีช “คุณไม่สามารถหยุดการทำงานของเตาอบได้” นายเดวิด ซิกฟรีด ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของร้านแนนซีส์ กล่าว เพราะว่าถ้าเตาอบเย็นลงเมื่อใด สายการผลิตทั้งหมดจะหยุดทำงานทันที ซึ่งนั่นจะทำให้แนนซี่ส์ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก

“บางครั้งเราจำเป็นต้องมีพนักงาน 15-45 คนประจำอยู่ที่นั่นโดยไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นเวลาเกินนับชั่วโมง” ซิกฟรีด กล่าว และว่า “และในเวลาที่เกินมานี้เราต้องจ่ายค่าจ้างในอัตราที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า และในช่วงที่งานเร่งแบบนี้ก็ยังจะต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้อีก”

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ยอดขายจะลดหายไปได้ด้วยในกรณีที่ผลิตสินค้าได้ไม่ทันตามใบสั่งซื้อ “เมื่อเราขายสินค้าปีละครั้ง ถ้าไม่สามารถทำได้ทันเวลาเราก็จะไม่สามารถขายสินค้านั้นได้อีกต่อไป เพราะลูกค้าจะต้องยกเลิกคำสั่งซื้อแน่นอน” บริษัท แนนซีส์ กล่าว

ความเสี่ยงดังกล่าว นอกเหนือจากปัจจัยด้านอื่นๆ กระตุ้นให้บริษัท แนนซี่ส์ ต้องเปิดโครงการนำร่องเพื่อศึกษาว่าอาร์เอฟไอดีจะช่วยปรับปรุงการจัดการคลังสินค้าของบริษัทได้อย่างไร โดยซิกฟรีดและทีมงานได้นำเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี คอมพิวเตอร์พกพา และแท็กจากบริษัท อินเตอร์เมคเข้ามาทดลองใช้งานโดยมีบริษัท สตราทัม โกลบอล จัดหาชุดซอฟต์แวร์ TagNet ซึ่งเป็นโมดูลมิดเดิลแวร์มาให้ใช้ร่วมด้วย ขณะนี้ บริษัท แนนซี่ส์ กำลังสร้างมาตรฐานเพื่ออัพเกรดระบบที่มีอยู่ โดยซิกฟรีดและทีมงานมองว่าการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้มากกว่าแค่การจัดการปัญหาสินค้าคงคลังเท่านั้น

สูญเงินครึ่งล้าน

ในระบบติดตามสินค้าแบบเดิม บางครั้งพนักงานจะมีปัญหาในการค้นหาสินค้าคงคลัง และอุปกรณ์ติดตามที่นำมาใช้งานภายในห้องทำความเย็นสำหรับเก็บสินค้าก็มีโอกาสเสียหายได้เนื่องจากเป็นการทำงานในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำถึง -10 องศาฟาเรนไฮต์ สิ่งนี้ส่งผลให้แผนกต่างๆ ไม่สามารถเรียกใช้ข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้ได้ ทางออกที่ดำเนินการกันอยู่ก็คือจดจำเอาว่าสินค้าที่ได้กำหนดออกจากห้องเย็นนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง

จะเห็นได้ว่า สินค้ายอดนิยมของแต่ละบริษัทอาจมีได้หลายชนิด อย่างคีชยอดนิยมก็จะมีชนิดแตกต่างกันออกไป มีการอบที่แตกต่างกัน และพนักงานจะต้องสามารถจัดการเอาคีชใส่และออกจากระบบสินค้าคงคลังได้อย่างมีประประสิทธิภาพ เพื่อว่าสายการผลิตจะได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมแนนซี่ส์จึงต้องหันมาใช้อาร์เอฟไอดี

ซิกฟรีดคาดว่าบริษัท แนนซี่ส์ จะสูญเสียรายได้ต่อปี 300,000 – 500,000 ดอลลาร์ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่พนักงานไม่สามารถค้นหาส่วนประกอบมาใช้ในงานได้ทันตามคำสั่งซื้อ

แต่ด้วยอาร์เอฟไอดี “คุณจะสามารถจับตำแหน่งข้อมูลและผลิตภัณฑ์ในทุกการเคลื่อนที่ได้อย่างอัตโนมัติด นับเป็นก้าวที่สำคัญยิ่งสำหรับเรา” ซิกฟรีด กล่าว

โลกแห่งความเย็น

รถโฟร์คลิฟท์มักจะใช้การร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเทคได้ไม่ดีนัก แต่ซิกฟรีดกำลังต้องการนำระบบอาร์เอฟไอดีมาใช้ร่วมกับการทำงานของรถโฟร์คลิฟท์ภายในห้องเย็น โดยจะติดตั้งอุปกรณ์อาร์เอฟไอดีบางอย่างไว้ที่ส่วนยกของที่เป็นโลหะของรถโฟรค์ลิฟท์

เครื่องอ่าน IF4 ความถี่ 915 เมกะเฮิรต์ของอินเตอร์เมคที่มีอะแด็ปเตอร์แบบอนุกรม Bluetooth? และมีสายอากาศ 4 สายจะเป็นส่วนของฮาร์ดแวร์อาร์เอฟไอดีที่จะนำไปติดไว้กับส่วนที่ใช้ยกของรถโฟร์คลิฟท์ ภายในบริเวณที่นั่งของรถโฟร์คลิฟท์ จะติดตั้งคอมพิวเตอร์เพื่อรับข้อมูลแท็กอาร์เอฟไอดีจาก IF4 และส่งต่อไปยังระบบโฮสต์

เมื่อคีชล็อตแรกอบเสร็จ ล็อตต่อไปก็จะเริ่มการผลิตต่อทันที พนักงานในแผนกบรรจุสินค้าของแนนซี่ส์จะบันทึกปริมาณการผลิตและถังบรรจุที่จัดเก็บ โดยจะใช้คอมพิวเตอร์พกพาอินเตอร์เมคซีรีส์ 700 ที่มีเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีแบบพกพารุ่น IP3 เพื่อจับข้อมูลจาก Intermec RFID Intellitag ที่ติดอยู่กับถังบรรจุแต่ละใบ นอกจากนี้ ยังมีการนำซอฟต์แวร์ Bartender Labeling มาใช้ร่วมกับเครื่องพิมพ์อาร์เอฟไอดีเพื่อกำหนดแท็กด้วย

แอพพลิเคชัน TagMap ของบริษัท สตราทัม โกลบอล ภายในคอมพิวเตอร์พกพาอินเตอร์เมค 700 จะช่วยพนักงานในการกำหนดแท็กของการผลิตคีชแต่ละล็อตได้โดยตรง โดยพนักงานจะสามารถบันทึกรายละเอียดการผลิต เช่น จำนวน วันที่ หมายเลขล็อต สายการผลิต และหมายเลขถังบรรจุ จากนั้น ระบบจะเอาส่วนประกอบที่ใช้ทั้งหมดในการผลิตของล็อตนี้ออกจากสินค้าคงคลังที่มีอยู่ บันทึกแรงงานที่ใช้และเพิ่มคีชที่ผลิตเสร็จแล้วลงในฐานข้อมูลสินค้าคงคลัง สำหรับการเก็บคีช จะมีการตรวจจับข้อมูลของถังบรรจุหรือแท่นวางสินค้าผ่านทาง IF4 โดยใช้คลื่นวิทยุบลูทูธส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งในรถโฟร์คลิฟท์ ระบบโฮสต์จะกำหนดตำแหน่งห้องทำความเย็นสำหรับคีชแต่ละล็อต

เมื่อคีชทั้งหมดอบเสร็จเรียบร้อย พนักงานจะสามารถค้นหาและส่งต่อไปยังฝ่ายบรรจุในกระบวนการขั้นสุดท้ายได้อย่างง่ายดาย

พอร์ทัลอาร์เอฟไอดีจะทำให้การบันทึกสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยปกติพนักงานจะต้องเคลื่อนย้ายสินค้าผ่านทางพอร์ทัล ซึ่งจะติดตั้งสายอากาศและเครื่องอ่าน รุ่น IF5 ของอินเตอร์เมคไว้ ถ้าพอร์ทัลตรวจพบว่าแท็กของกล่องบรรจุใดๆ ไม่ตรงกับวันนั้น ก็จะมีการเตือนพนักงานว่าต้องทำการอัพเดทสินค้าคงคลังก่อนจึงจะนำเข้าหรือนำออกจากคลังแช่เย็นได้

ผลตอบแทนการลงทุนในเบื้องต้น

ขณะที่อาจเร็วเกินไปที่จะมีตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ประหยัดไว้ได้ ซิกฟรีดคาดว่าแนนซี่ส์จะสามารถลดผลการขาดทุนลงและทำรายได้ 100,000 ดอลลาร์ภายในหนึ่งปี และมีรายได้ 300,000 ดอลลาร์ในอีกหลายปีต่อมา เงินที่ประหยัดได้มานั้นจะชดเชยกับค่าใช้จ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับธุรกิจของเขาและผู้ผลิตรายอื่นๆ จำนวนมาก ซึ่งจะต้องแบกภาระไว้ นั่นคือ 2006 Compliance Mandate (ข้อกำหนด) ของวอล-มาร์ท

“เป้าหมายแรกในตอนนี้คือการกำจัดสถานการณ์ที่เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อผตอบแทนการลงทุนของเราก่อน จากนั้นจึงไปจัดการกับข้อกำหนดดังกล่าว” ซิกฟรีด กล่าว

“ถ้าคุณกังวลมากว่าลูกค้าจะเดินจากไป ผมคิดว่าคุณกำลังดำเนินธุรกิจอย่างผิดๆ การกำจัดปัญหาต่างๆ และลดแรงงานให้น้อยลงนั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่คุณควรดำเนินการ เมื่อคุณให้ความสำคํญกับสิ่งนี้ คุณจะสามารถเพิ่มระดับบริการให้กับลูกค้าของคุณและทำให้คู่ค้าของคุณเชื่อมั่นในตัวคุณเองได้”

แม้ว่าอาร์เอฟไอดีจะอยู่ในช่วงการทดลอง แต่ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับบริษัท แนนซี่ส์ ไม่น้อยโดยช่วยให้การจัดการสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบใหม่ได้เปลี่ยนวิธีโต้ตอบของพนักงานในแผนกต่างๆ ขณะที่กระบวนการต่างๆ ทางธุรกิจก็เปลี่ยนแปลง โดยการบันทึกสินค้าคงคลังไม่ใช่เป็นหน้าที่ของแผนกจัดส่งเพียงแผนกเดียวอีกต่อไปเพราะขณะนี้คนในแผนกบรรจุภัณฑ์และผู้ดูแลรถโฟล์คลิฟท์ก็กำลังช่วยกันดำเนินการอยู่เช่นกัน

“เมื่อเรานำทุกคนมารวมกัน ในที่สุดทุกคนก็พบปัญหาที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่านี่คือปัญหาใหญ่จากทัศนคติของใครบางคน” ซิกฟรีด กล่าว

ทั้งนี้ แนนซี่ส์มีแผนจะนำระบบอาร์เอฟไอดีมาใช้งานจริงในปลายเดือนกรกฏาคมนี้ ดังนั้นในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลแห่งเทศกาลวันหยุด ก็จะเป็นการเริ่มต้นระบบใหม่ที่จะสามารถป้องกันปัญหาเกี่ยวกับสินค้าคงคลังได้ จะเห็นได้ว่าบริษัท อินเตอร์เมค และบริษัท สตราทัม โกลบอล ได้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้บริษัท แนนซี่ส์พร้อมรับมือกับการสั่งซื้อคีชอย่างมโหฬารแล้วในขณะนี้

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อได้ที่:

คุณศรีสุพัฒ เสียงเย็น ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์

บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด โทร. 0-2439-4600 ต่อ 8300

อีเมล์: [email protected]

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net