นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรายงานผลสำรวจของ University Of Michigan ที่มีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย.52 ปรับตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน อยู่ที่ระดับ 61.9 (สูงขึ้นกว่าเดือน มี.ค.52 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.3) ประกอบกับบริษัท ซิตี้กรุ๊ป และบริษัท เจนเนอรัล อิเล็กทริค ของสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 2552 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.52) ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 51.17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินสิงคโปร์ อยู่ที่ 63.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 60.38 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
จากปัจจัยดังกล่าวฯ ส่งผลให้ค่าการตลาดโดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำมากประมาณ 60-80 สตางค์/ลิตร ปตท. จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 60 สตางค์/ลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยการปรับราคาครั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกรุงเทพฯและปริมณฑลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.52) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E 85 พลัส) 21.29
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) 23.94
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 26.24
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 25.44
น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 30.04
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 20.29
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 23.29
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงต้องใช้เวลา โดยต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เช่น ท่าทีของประเทศอิหร่านและเวเนซูเอลาที่มีต่อสหรัฐฯ และปริมาณสำรองน้ำมันของโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 370 ล้านบาร์เรล นับว่าสูงสุดในรอบ 19 ปี ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สะท้อนราคาน้ำมันได้
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.
โทรศัพท์ 0 2537 2538
โทรสาร 0 2537 2538