ผู้บริหาร EWC ชุดใหม่ นำทัพฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจด้วยแนวทาง Challenging Change

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--อีสเทิร์นไวร์

เชื่อมั่นแนวทาง Challenging Change จะนำองค์กรสู่การบริหารแบบมืออาชีพ พร้อมเตรียมรับมือวิกฤติเศรษฐกิจด้วยการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน การขยายการตลาดสู่งานภาครัฐและการรักษาสภาพคล่อง เตรียมพร้อมจะลงทุนเพิ่มอีก 500 ล้านบาทในโครงการที่เชี่ยวชาญ บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC หลังการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเมื่อปลายปี 51 ทีมคณะผู้บริหารได้กำหนดกรอบการบริหารงานภายใต้แนวทาง Challenging Change หรือการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทาย เพื่อรับมือเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายในการดูแลบริษัทในเครือทั้ง 3 บริษัทให้มีความมั่นคงต่อเนื่องและเตรียมพร้อมที่จะลงทุนใหม่ พลิกวิกฤติเป็นโอกาสให้จนได้ ปัจจุบัน EWC มีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 3 บริษัท ได้แก่บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด เป็นผู้ผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดต่าง ๆ รวมทั้งลวดเชื่อมไฟฟ้า ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยมีกำลังการผลิต 36,000 ตันต่อปี โดย EWC ถือครองหุ้นบริษัทดังกล่าว ในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตโครงเหล็กสังกะสีสำหรับเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคมและสถานีไฟฟ้าย่อย รวมทั้งให้บริการชุบสังกะสี รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กำลังส่งที่มีคุณภาพสูง โดยมีโรงงานผลิตในเขตมีนบุรี มีทุนจดทะเบียนประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งเป็นการถือครองโดย EWC ในสัดส่วน 90.98% บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งปัจจุบันดำเนินการด้านโรงไฟฟ้าประเภทผลิตร่วม 2 วงจรเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับรองรับการใช้งานในอาคาร ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม โดยโครงการแรกของบริษัทคือโครงการลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อนแก่บริษัท เดอะสยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรีส์ จำกัด ในจังหวัดสระบุรี โดย บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด มีทุนจดทะเบียน 242 ล้านบาทและ EWC ถือหุ้นในสัดส่วน 80.08% นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานกรรมการบริหาร EWC เปิดเผยว่าภายใต้แนวทาง “Challenging Change” หรือ “การเปลี่ยนแปลงที่ท้าทาย” EWC ได้จัดโครงสร้างการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการทั้งสิ้น 4 ชุดได้แก่คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการผลตอบแทน เพื่อสร้างความเจริญเติบโตให้แก่องค์กร และรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ภายใต้การนำทีมของนายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทั้งนี้ทางคณะกรรมการบริษัทได้กำหนดกรอบการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ภายใต้หลักปฏิบัติ 5 ประการคือ การสร้างความพร้อมของทีมงาน การสร้างศรัทธาความเชื่อมั่น การกลั่นกรองนโยบายมาเป็นแนวทางปฏิบัติ การสร้างพันธมิตร นำพาองค์กรสู่หลักธรรมาภิบาล “ตั้งแต่พวกเราเข้ามาบริหาร ทำงานกันหนักมากที่ต้องดูจุดด้อย จุดแข็งที่มีอยู่ กอรปกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรวดเร็ว จนกำหนดเป็นแนวทางที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายหรือ Challenging Change” นายต่อศักดิ์กล่าว ทางด้านนายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EWC ได้กล่าวถึงแผนปฏิบัติงานโดยได้กำหนดกรอบและนโยบายการทำงาน โดยในปี 2552 ทางบริษัทฯ จะเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจปัจจุบัน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารการจัดการวัตถุดิบ และระบบสินค้าคงคลังของสินค้าเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน ในส่วนของการตลาดและการขายนั้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะถดถอย แต่ทางบริษัทฯ ได้ปรับทีมงานและกลยุทธ์เพื่อรองรับงานก่อสร้างในส่วนของภาครัฐบาล เพื่อเป็นการรักษารายได้ในช่วงเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งการรักษาสภาพคล่องของบริษัทฯ ทางด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ของ EWC นั้น ได้กำหนดกรอบการลงทุนโดยเน้นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมและธุรกิจที่ใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม ซึ่งถือว่าเป็น Core Competency ของบริษัทฯ เป็นหลัก โดยกำหนดงบลงทุนไว้ประมาณ 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การลงทุนคงขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจว่าจะเอื้ออำนวยขนาดไหน ทั้งนี้การทำงานโดยรวมของบริษัทฯ จะให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารการจัดการความเสี่ยงและความโปร่งใสตามหลักบรรษัทภิบาลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า คู่ค้าตลอดจนผู้ถือหุ้น

ข่าวบริษัทในเครือ+อีสเทิร์นไวร์วันนี้

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ ย้ำเจตนารมณ์ "ขับเคลื่อน 28 นโยบายความยั่งยืนด้วยการลงมือทำจริง" เน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์กร ในงาน "ESG Policy in Action" บนเวที GCNT Expo 2025

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเวที "ESG Policy in Action ขับเคลื่อนไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน" ภายในงาน GCNT Expo 2025 พร้อมประกาศเจตนารมณ์อย่างหนักแน่นว่า "ความยั่งยืน" จะไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจาก "การลงมือทำจริง" ในทุกมิติขององค์กร โดยเฉพาะการผลักดัน 28 นโยบายความยั่งยืน ที่ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ให้แปรเปลี่ยนจากหลักการสู่การปฏิบัติที่จับต้องได้ โดยเชื่อมั่นว่า การจะเป็นองค์กรที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการมีนโยบายที่ดี แต่ต้องหลอมรวมแนวทางเหล่านั้นเข้าไว้