คำแถลงข่าวการยืนยันระดับเครดิตของประเทศไทย โดยบริษัท Rating & Investment Information, Inc. (R&I)

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลังโดยนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอเรียนว่า R&I ได้แถลงข่าวผลการวิเคราะห์เครดิตของประเทศไทย ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการจัดระดับเครดิต (Rating Committee) ได้ยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Issuer Rating) ที่ระดับ BBB+ และยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Short Term Credit Rating) ที่ระดับ a-2 โดยมีแนวโน้มของเครดิตในระดับที่เป็นลบ (Negative Outlook) พร้อมทั้งยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (Domestic Currency Issuer Rating) ที่ระดับ A- ซึ่ง R&I ได้ให้เหตุผลของการยืนยันระดับเครดิตดังกล่าวข้างต้นโดยสรุป ดังนี้ 1. การขาดเสถียรภาพทางการเมืองที่เกิดขึ้นและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศของประเทศไทย ซึ่งส่งสัญญาณว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 และเป็นปัจจัยสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2551 ได้ถูกบั่นทอนลงไป โดยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ได้หดตัวร้อยละ 4.3 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และในปี 2551 เศรษฐกิจขยายตัวเพียงร้อยละ 2.6 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของจำนวนคนว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิตและการชะลอตัวของการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด อันเนื่องมาจากความเสื่อมถอยลงของความเชื่อมั่นที่มีต่อภาคธุรกิจและสภาพแวดล้อมในการลงทุน ซึ่งคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP) ในปี 2552 จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0 หรือติดลบ 2. เนื่องจากการชะลอตัวลงของอุปสงค์ด้านต่างประเทศของประเทศไทย รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินของประเทศ เพื่อที่จะเร่งอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนอุปสงค์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีอายุการใช้งานนานและการลงทุน แม้ว่าเป็นการยากที่จะคาดการณ์เกี่ยวกับความมีเสถียรภาพของการจ้างงาน อย่างไรก็ดี ยังคงมีความหวังว่าภาคการบริโภคจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่หากความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายอาจจะต้องพิจารณาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 และพยายามที่จะดำเนินมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการจัดทำงบประมาณขาดดุลคิดเป็นร้อยละ 3.9 ของ GDP โดยหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ระดับร้อยละ 37 ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย ทำให้รัฐบาลสามารถที่จะเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐได้โดยไม่กระทบต่อความยั่งยืนทางการคลัง 3. จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าความมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่ความยุ่งเหยิงทางการเมืองยังคงมีอยู่ ซึ่งหากสถานการณ์ทางการเมืองเช่นนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไป รัฐบาลอาจไม่สามารถดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก 4. นอกจากฐานะการคลังและด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งแล้ว ประเทศไทยยังคงมีความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานด้านอุตสาหกรรมที่เปิดกว้าง ซึ่งรวมถึงการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค และความมีเสถียรภาพทางด้านสังคมเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าความยุ่งเหยิงทางการเมืองจะยืดเยื้อมาหลายปี แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก จากที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลให้ R&I ยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Issuer Rating) ที่ระดับ BBB+ และยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท (Domestic Currency Issuer Rating) ที่ระดับ A- อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา R&I ได้ปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทยจากระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เป็นระดับที่เป็นลบ (Negative Outlook) สะท้อนให้เห็นถึงความยุ่งเหยิงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และการทบทวนผลการวิเคราะห์เครดิตของประเทศไทยในครั้งนี้ R&I เห็นว่า ระดับเครดิตของประเทศไทยยังคงอยู่ภายใต้ความกดดันในทิศทางที่เป็นลบ จึงยังคงแนวโน้มของเครดิตในระดับที่เป็นลบ (Negative Outlook) 5. เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มของรายได้จากการเก็บภาษีที่คาดว่าจะลดลงและมาตรการทางการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะขาดดุลทางการคลังมากไปกว่าที่เคยประมาณการไว้ และหากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจัยที่จะเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะปานกลางถึงระยะยาวให้กลับมาอีกครั้ง คือการลดความแตกต่างทางด้านรายได้ของประชาชนเป็นสำคัญ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง 0-2265-8050 ต่อ 5510

ข่าวสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ+พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์วันนี้

การเคหะแห่งชาติเผยแผนผุด Mixed Use ในเมืองชุมชนดินแดง ช่วยสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน

การเคหะแห่งชาติ ให้การต้อนรับ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง ลงพื้นที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 อาคาร D1 เพื่อติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลความสำเร็จการดำเนินงาน ซึ่งเป็นโครงการลงทุนภาครัฐที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2568 ณ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 อาคาร G แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ นางฐิตาภรณ์ ลาภเกียรติเสรี รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงเป็นการใช้เงินกู้จากรัฐบาลเป็นหลัก ปัจจุบันดำ

ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์... วว. นำเสนอผลการดำเนินโครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดอุดรธานีด้วย วทน. — ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ (ศนก...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่... SME D Bank เข้าพบผู้บริหารกระทรวงการคลัง เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 66 — ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดยนางสาวนาร...

"ออมเพิ่มสุข" บนวอลเล็ต สบม. เต็มวงเงิน 10,000 ล้านบาทแล้ว พบกันอีกครั้ง 15 มิถุนายน 2565 ผ่าน 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุขบนวอลเล็ต สบม. วงเงิน 10,000 ล้านบาท จำหน่ายได้ครบวงเงินเรียบร้อยแล้ว...

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงาน... พร้อมออมกับพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่น "ยิ่งออมยิ่งได้" — นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังจะเริ่...

Fitch Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ ...