พบเด็กต่ำกว่า 15 ปี บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์สูง แนะเข้มกฎหมายสอบใบขับขี่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »
ในการเสวนาหัวข้อ “ใบขับขี่รุ่นเยาว์ เพื่อถนนปลอดภัย” จัดโดยศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เมื่อเร็ว ๆนี้ พบว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังของ 20 โรงพยาบาลเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ 2547 พบจำนวนผู้บาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีสูงถึง 39.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในส่วนนี้มาจากการขับขี่ รถจักรยานยนต์ถึง 67.7 ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตถึงมาตรการทางกฎหมายที่กำหนดอายุการสอบใบขับขี่อยู่ที่ 15 ปีว่า เหมาะสมเพียงพอหรือไม่ในการลดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในวัยรุ่น นายศักดิ์ชัย พัวโสพิศ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ได้กล่าวถึงการออกใบอนุญาตขับขี่ว่า การออกใบอนุญาตขับขี่ให้เยาวชนอายุ 15 ปี โดยได้กำหนดกำลังเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ไว้ที่ 110 ซีซี ส่วนการออกใบอนุญาตขับขี่ให้เยาวชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่มีการจำกัด ตรงนี้ทำให้เป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะเรามักจะพบว่า เยาวชนอาจฝ่าฝืนไปขับรถในขนาดที่ใหญ่กว่า นายศักดิ์ชัยได้ขยายความถึงเหตุผลที่กำหนดอายุขั้นต่ำไว้ที่ 15 ปี อันเนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏว่า เด็กอายุไม่ถึง 15 ปีจำนวนมากได้ขับขี่รถอยู่แล้ว ฉะนั้นการเริ่มที่อายุ 15 ปี เป็นช่วงวัยที่มีวุฒิภาวะพอสมควร เพื่อดึงให้เข้ามาขอรับใบอนุญาต และดึงมาผ่านกระบวนการอบรมที่ถูกต้อง หากกำหนดอายุไว้ที่ 18 ปี ก็จะฝืนข้อเท็จจริงที่เด็กจำนวนมากที่มีอายุน้อยกว่าก็ยังคงฝืนใช้รถจักรยานยนต์อยู่ดี ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลร้ายกว่า เพราะเขาจะไม่มีโอกาสได้รับการอบรมดังกล่าว ในส่วนการเสริมสร้างความรู้การขับขี่ปลอดภัยให้แก่เยาวชน ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมขนส่งทางบกได้จัดกิจกรรมสนามจราจรเยาวชนฯ เพื่ออบรมการขับรถจักรยานยนต์ให้แก่เด็กนักเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดยกิจกรรมแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนการการอบรมและการให้ทดลองขับจริง เพื่อให้เด็กมีทักษะในการขับขี่ และเรียนรู้กฎจราจร ซึ่งตั้งเป้าว่าในปี 2552 จะมีนักเรียน 570 รุ่น คิดเป็นจำนวน 85,500 คน ด้านความเข้มงวดของกฎหมาย ควรมีการบังคับอย่างจริงจัง เข้มงวด เน้นในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ การขับรถหวาดเสียว ยกตัวอย่างการขับรถย้อนศรซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ต้นแบบในการขับขี่ปลอดภัยสำหรับเยาวชนที่สำคัญคือครอบครัว พ่อแม่หรือคนใกล้ชิด ซึ่งเด็กจะเรียนรู้จากคนใกล้ตัวโดยอัตโนมัติ ยิ่งมีการบอกสอน ก็จะยิ่งเป็นการเสริมสร้างการขับรถที่ดี และเกิดความปลอดภัยให้กับเยาวชน สอดคล้องกับความคิดเห็นของนางณัฐกานต์ ไวยเนตร สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณะสุข ผู้ทำการศึกษาความเข้าใจและการปรับปรุงกระบวนการใบขับขี่รถจักรยานยนต์ในกลุ่มอายุ 15-20 ปี: กรณีการศึกษา สถาบันการศึกษาจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งให้แสดงความเห็นว่า พ่อแม่ควรต้องเป็นผู้ที่ทำให้เยาวชนเข้าสู่กระบวนการขับขี่ปลอดภัย และควบคุมดูแลการขับขี่ของเยาวชน ซึ่งหากเยาวชนผิดกฎหมาย พ่อแม่ก็น่าจะมีบทลงโทษด้วย ทั้งนี้ครอบครัวและโรงเรียนจะเป็นพื้นฐานตั้งต้นที่สำคัญในการสร้างจิตสำนึกให้แก่เยาวชน “อยากย้อนไปขับขี่จักรยาน ซึ่งคงทำไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกับมอเตอร์ไซค์ได้” ณัฐกานต์ กล่าวแสดงความคิดเห็น ณัฐกานต์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนงานวิจัยจากสถาบันศึกษาที่พิษณุโลก ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลจากกลุ่มวัยรุ่นที่มีการขับขี่ที่ไม่ดีนัก พบว่า เมื่อจำนวนรถมากขึ้น โรงพยาบาลก็มีสถิตการเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ และเสียชีวิตมากขึ้นด้วย และผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ก็มือใหม่ประสบการณ์ยังไม่มี วุฒิภาวะอาจไม่พอ กระบวนการด้านใบขับขี่ที่นำมาใช้ในการควบคุมเพื่อความปลอดภัยในระยะแรกๆ จึงต้องควบคุมทั้งก่อนหลังออกใบขับขี่ควร นอกจากนี้ยังพบตัวอย่างเด็กอายุ 7 ปี ขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ ซึ่งตรงนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเยาวชนได้สัมผัสปัจจัยเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ณัฐกานต์ กล่าวถึงข้อเสนอการจัดรูปแบบระบบใบอนุญาตขับขี่เพื่อสนับสนุนให้เกิดผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีทักษะว่า ในระยะสั้นควรพัฒนากระบวนการเข้าถึงการอบรมการขับขี่ปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน มีกระบวนการวิจัยเพื่อหาข้อยุติว่า ควรเข้าสู่กระบวนการเรียนการอบรมเมื่อใดที่จะเกิดผลดีที่สุด และมีมาตรการด้านกฎหมายหรือข้อบังคับที่ทำให้ผู้ขับขี่มือใหม่จำเป็นต้องผ่านการอบรมที่เป็นมาตรฐานเดียวกันในช่วงอายุเหมาะสม ในส่วนการสร้างความยั่งยืนโรงเรียนอบรมขับขี่ปลอดภัย ควรเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่จัดอบรมให้กับผู้ชื้อหรือผู้ใช้โดยรัฐสนับสนุนในรูปของการลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ ณัฐกานต์นำเสนอเพิ่มเติมว่า การเก็บเงินภาษีมอเตอร์ไซค์มาทำกองทุนให้เกิดการศึกษาอบรมให้เด็กอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการ เพราะภาษีจากการซื้อขายมอเตอร์ไซค์เราก็อาจจะจัดให้เป็นเหมือนภาษีบาปได้เหมือนกัน เพราะทำให้เกิดสถิติการประสบอุบัติเหตุและการสูญเสียเป็นจำนวนมาก ส่วนกรมการขนส่งทางบกควรพัฒนาบทบาทเป็นผู้ตรวจสอบ พัฒนามาตรฐาน รับรองมาตรฐานและประเมินมาตรฐาน ของระบบใบอนุญาตในทุกขั้นตอนมากกว่าเป็นผู้จัดอบรม และควรจัดกระบวนการให้ความรู้ด้านกฎหมายข้อปฏิบัติข้อบังคับและปลูกฝังสำนึกความปลอดภัยในระบบการเรียนการสอนปกติให้เป็นระบบ ด้านนายสุทัศน์ ชูรักษ์ ผู้แทนบริษัท เอพีฮอนด้า จำกัด ได้เสนอทางออกเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ คือการจัดตั้งสถานสอนขับรถเอกชน เพื่อเป็นอีกทางเลือกในสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน โดยกล่าวว่า ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ถือเป็นโรงเรียนสอนขับรถจักรยานยนตร์สำหรับเยาวชน ที่ได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ให้มีการสอนในหลักสูตรสอบใบอนุญาต 15 ชั่วโมง ซึ่งดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2532 ปัจจุบันศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ามีทั้งหมด 10 แห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของผู้ขับขี่ ทั้งนี้ผลการศึกษาพบว่าการจัดการอบรบช่วยลดลงอุบัติเหตุลงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม จากสถิติของกรมการขนส่งทางบก จำนวนรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยมี 16 ล้านคัน แต่ที่มีใบขับขี่มีเพียง 11 ล้านใบ และศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ามีผู้ผ่านการอบรมไปแล้ว 9,000 กว่าคน ถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมด นอกจากนี้ปัจจุบันทางศูนย์มีการเปิดอบรมฟรี แต่ไม่ค่อยมีคนมาเข้าอบรม เพราะคนส่วนใหญ่มักติดปัญหาเรื่องเวลา นายสุทัสน์กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย+มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติวันนี้

กทม. ยกระดับแผนปฏิบัติการป้องกันรับมือฝุ่น PM2.5 เข้มตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่น ลดผลกระทบสุขภาพประชาชน

นางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. รักษาราชการแทน ผอ.สสล. กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการป้องกันและรับมือปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สสล. ได้บูรณาการความร่วมมือและการยกระดับปฏิบัติการแบบ Single Command โดย กทม. ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย (มท.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตาม วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 แบบวันต่อวัน และบูรณาการข้อมูล hotspot

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หร... NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ — บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เดินหน้าสนับสนุนการยกร...

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติ... เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะ...

ทรู ร่วม ปภ. พร้อมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย C... ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม! — ทรู ร่วม ปภ. พร้อมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ระดับจังหวัด 13 พ.ค. นี้ พร้อมย้...

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกั... NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง — กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้...