บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 28 ส.ค. 2552

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--ตลท.

การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งทางตรงผ่านการลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และการกระตุ้นการบริโภคทางอ้อมผ่านโครงการต่างๆ อาทิ เช็คช่วยชาติ เป็นต้น ส่งผลบวกที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังเห็นได้จากตัวเลข GDP ใน Q2/52 ที่ปรับตัวดีขึ้นจาก -7.1% ใน Q1/52 เป็น -4.9% สำหรับ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 หรือแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2555 ซึ่งมีวงเงินรวม 1,431,330 ล้านบาท คาดจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบผ่านการลงทุนด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2552-2554) อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยหนุนให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน mai ตั้งแต่ใน 2H/52 เป็นต้นไปกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สำหรับผลการดำเนินงานช่วง Q2/52 ของบริษัทในกลุ่ม mai จำนวน 46 บริษัทที่ประกาศออกมา สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้ 1) กลุ่มที่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว ประกอบด้วยได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรม กลุ่มผู้ให้บริการทั้งในด้านของอุตสาหกรรมและด้านการเงิน 2) กลุ่มที่ยังไม่ฟื้นตัว ได้แก่ กลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มวัสดุและรับเหมาก่อสร้าง ทั้งนี้ หากพิจารณาในกลุ่มที่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว พบว่าการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ส่งผลให้รายได้โดยรวมของกลุ่มปรับตัวดีขึ้นชัดเจน qoq นอกจากนี้ ความผ่อนคลายในการให้สินเชื่อของธนาคาพาณิชย์ ส่งผลให้เม็ดเงินจากธนาคารพาณิชย์สามารถกระจายครอบคลุมไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการใน mai เริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2Q/52 ประกอบกับ การเร่งงานก่อสร้างส่วนใหญ่ไปแล้วใน Q1/52 และผลจากช่วงของฤดูกาล ทำให้ภาคการก่อสร้างและความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มสื่อสารใน Q2/52 เริ่มชะลอตัว qoq และส่งผลต่อเนื่องให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มดังกล่าวยังไม่ฟื้นตัว สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 2H/52 ของบริษัทในกลุ่ม mai SCRI คาดจะปรับตัวดีขึ้น hoh โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทนในประเทศ อาทิ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มวัสดุและรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้ให้บริการทั้งในด้านของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาทิ ถ่านหิน เหล็ก ในช่วง 2H/52 คาดจะยังทรงตัว ทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มยังไม่สามารถปรับราคาขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เริ่มปรับขึ้นได้ ปัจจัยดังกล่าวจะกระทบให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด mai ทั้งนี้ SCRI กล่าวโดยสรุปได้ว่า ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม mai ส่วนใหญ่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 1H/52 และด้วยโครงสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและยังมีความแข็งแกร่ง ดังเห็นได้จากภาระหนี้ต่อทุน ณ งวด 6 เดือนแรกของปี 2552 ของกลุ่ม mai ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 1.35 เท่า เปรียบเทียบกับบริษัทใน SET ที่ระดับ 1.45 เท่า ทำให้บริษัทมีความพร้อมรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นตลาด mai เป็นอีกทางเลือกที่สร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วงปีที่ผ่านมาเฉลี่ยสูงกว่า 5.92% ต่อปี เปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากเงินปันผลในตลาด SET ที่ระดับ 4.26% SCRI ได้ทำการศึกษาบริษัทใน mai จำนวน 10 บริษัท พบว่าภาพรวมของธุรกิจยังมีความมั่นคงและคาดผลประกอบการปี 2552 จะเติบโต 7% yoy อีกทั้ง ฐานะการเงินบริษัทยังมีความแข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องทางการเงินในระดับสูง ส่งผลให้สามารถจ่ายเงินปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 6.2% ต่อปี ดังนั้น แนะนำ ลงทุนใน TNDT/ TNH/ TPAC/ TRT และ UMS โดยมีราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานเท่ากับ 4.8 บาท 9 บาท บาท 6.60 บาท 9 บาท และ 17.50 บาท ตามลำดับ

ข่าวสถาบันวิจัยนครหลวงไทย+แผนกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้

บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 11 ก.ย. 2552 - ผลบวกในกลุ่ม mai กับการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล

แผนกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้ “มาตรการไทยเข้มแข็ง 2555” ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. 2552 เป็นต้นไป คาดจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศไทยในช่วง 2H/52 กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยมาตรการดังกล่าว นอกจากจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในกรอบปีละ 1.25 – 2.25% ในช่วงปี 2553 – 2555 และคาด GDP ในปี 2553 จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ 1.5 – 3.5% เม็ดเงินที่กระจายเข้าสู่ระบบยังช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มผู้ประกอบการ mai กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ภาพข่าว: L&E ต้อนรับผู้แทน mai นักลงทุน-นักวิเคราะห์เยี่ยมโชว์รูม LSC

คุณปกรณ์ บริมาสพร (กลางแถวนั่ง) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์ mai นักวิเคราะห์และนักลงทุน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชม "Lighting Solution Center" หรือ...

บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 9 เม.ย. 2553

แม้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์จะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม SCRI ประเมินว่าผลกระทบจะไม่มากเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลสำคัญ คือ การไม่เกิดความรุนแรง และ ภาวะ...

ภาพข่าว: “วิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 53”

สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ นิด้า อดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหารระดับสูง บ.เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และคุณยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์...

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันนี้(3 มีนาคม 2553)

วันพุธที่ 3 มีนาคม 2553 09.00 น. เคทีซี แถลงข่าว ผลประกอบการ ประจำปี 2552 ณ อาคาร สมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33 09.00 น. บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน : บมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.โกลบอล คอน เน็คชั่นส์ บมจ.เด็มโก้ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา บมจ...

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันพรุ่งนี้(3 มีนาคม 2553)

วันพุธที่ 3 มีนาคม 2553 09.00 น. เคทีซี แถลงข่าว ผลประกอบการ ประจำปี 2552 ณ อาคาร สมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33 09.00 น. บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน : บมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.โกลบอล คอน เน็คชั่นส์ บมจ.เด็มโก้ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา...

ตลท. จัดเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 2/2553 หัวข้อ “จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ภายใต้วิกฤตความเชื่อมั่นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น”

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ขอเรียนเชิญท่านหรือผู้แทนเข้าร่วมงานเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 2 ประจำปี 2553 หัวข้อ...

บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 8 ม.ค. 2553

สถาบันวิจัยนครหลวงไทยแนะนำ เข้าลงทุนในหุ้นตระกูล T (TRT / TPAC/ TNDT) ที่คาดจะประกาศผลการดำเนินงานโค้งสุดท้ายภายใต้ในกลุ่ม mai ออกมาโดดเด่น และมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเฉลี่ย 5-10% ต่อปี TRT: การส่งมอบงานที่คงค้างมาจากใน Q3/52 ประกอบกับการรับรู้ราย...