วารสารการเงินธนาคาร ประกาศ "อนันต์ อัศวโภคิน" ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 7 เศรษฐีไทยรวยขึ้นถ้วนหน้า

11 Dec 2009

กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด

นับเป็นปีที่ 16 แล้ว ที่ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับ เศรษฐีหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2552 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2552 จำนวน 5,095 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 454,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ถึง 56,559 ล้านบาท หรือ 14.21%

จากภาวะหุ้นไทยที่เริ่มฟื้นตัว โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งใช้เป็นฐานในการคำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นของบรรดา เศรษฐีหุ้นประจำปี 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 120.13 จุด จากปี 2551 โดยปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 717.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.12%% ส่งผลให้ความมั่ง คั่งของเศรษฐีหุ้นไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 56,000 ล้านบาทในปีนี้

ผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2552 ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2552 ยังตกอยู่ใน ความครอบครองของ อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บิ๊กบอสแห่งวงการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ โดยถือครอง หุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 15,967.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,309.90 ล้านบาท หรือ 8.94% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% และ บมจ.แมนดา ริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.67% ส่งผลให้อนันต์ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ซึ่งเป็นสถิติการครองแชมป์สูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทย

เช่นเดียวกันกับ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แห่งพฤกษาเรียลเอสเตท หรือ PS ที่ยังรักษาตำแหน่งเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว โดยปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 15,830.43 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 61.60% รวยเพิ่มขึ้น 6,231.27 ล้านบาท หรือ 64.91% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.60 บาท หรือ 64.79% จาก 7.10 บาท มาอยู่ที่ 11.70 บาท เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552

ด้านนักลงทุนรายใหญ่อย่าง นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาท สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แห่งโอสถสภา ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ หลังจากที่ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 10 ในปี 2549 มาอยู่อันดับ 9 เมื่อปี 2550 และอันดับ 5 ในปี 2551 ที่ผ่านมา โดยปีนี้นิติลงทุนในหุ้นทั้งหมด 15 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 5,733.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,361.09 ล้านบาท หรือ 31.13% เนื่องจากหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่ม ขึ้นในปีที่ผ่านมา

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ยังเป็นของ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 โดยถือครองหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) 11.42% มูลค่ารวม 5,161.84 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 296.92 ล้านบาท หรือ 6.10% ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 15 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ วิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจ เสื้อชั้นในยี่ห้อ “ซาบีนา” (SABINA) โดยถือครองหุ้น บมจ ซาบีน่า (SABINA) 74.59% มูลค่ารวม 4,380.60 ล้านบาท รวยขึ้นถึง 1,218.27 ล้านบาท หรือ 38.52%

สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 เป็นเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาติดทำเนียบปีนี้เป็นครั้งแรก ได้แก่ วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ เจ้าของสยามแก๊ส หรือที่คุ้นเคยกันในนาม “เถ้าแก่โบ๊เบ๊” ที่นำ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา โดย วรวิทย์ ถือหุ้น SGP 54.13% รวมมูลค่า 4,319.70 ล้านบาท

ด้าน อากู๋แกรมมี่ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ก้าวขึ้นจากอันดับ 8 มาอยู่ในอันดับ 7 โดยรวยขึ้น 779.19 ล้านบาท หรือ 22.10% จากราคาหุ้น บมจ. แกรมมี่ (GRAMMY) ที่อากู๋ถืออยู่ 53.76% ขยับขึ้นจาก 13 บาท มาอยู่ที่ 15.10 บาท ทำให้มูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 4,304.94 ล้านบาท

นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ แห่งบางกอกแอร์เวย์ส ปีนี้หล่นจากอันดับ 3 ไปอยู่อันดับ 8 โดยถือหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิต เวชการ (BGH) 13.52% และ บมจ.โรงพยาบาล นนทเวช (NTV) 0.79% รวมมูลค่า 4,240.75 ล้านบาท รวยลดลง 870.46 ล้านบาท หรือ 17.03%

ขณะที่ อนุพงษ์ อัศวโภคิน บิ๊ก AP กระโดดขึ้นมาอยู่อันดับ 9 จากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 16 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 3,680.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 971.07 ล้านบาท หรือ 35.84% ประกอบด้วย บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) 24.21% และ บมจ.โรงแรมแมนดาริน (MANRIN) 2.64%

ส่วนประชุม มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 หล่นจากอันดับ 9 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 10 ในปีนี้ โดยถือครองหุ้นรวม 3,598.31 บ้านบาท เพิ่มขึ้น 208.31 ล้านบาท หรือ 6.14% จากการถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) 7.86% และ บมจ.ศิครินทร์ (SKR) 4.7% สำหรับแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย ประจำปี 2552 ที่ถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดถึง 25,870.11 ล้านบาท ได้แก่ ตระกูลมาลีนนท์ ซึ่งครองตำแหน่งแชมป์ตระกูล เศรษฐีหุ้นไทยสูงสุดถึง 11 ปี ซึ่งในปีนี้ตระกูลมาลีนนท์มีความมั่งคั่งจากมูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้น 1,443.18 ล้านบาท หรือ 5.91%

ทั้งนี้ หลังจากที่ตระกูลมาลีนนท์ นำ บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) เจ้าของไทยทีวีสี ช่อง 3 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2539 ส่งผลให้อีก 1 ปีต่อมาคือในปี 2540 ตระกูลมาลีนนท์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยที่มั่งคั่งมากที่สุด ล้มแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย 3 ปี ซ้อน (2537-2539) อย่าง ชินวัตร ลงได้

จากนั้น มาลีนนท์ ก็ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันเรื่อยมาเป็นเวลาถึง 7 ปี คือ ปี 2540-2546 ก่อนที่จะเสียตำแหน่งกลับคืนไปให้ ตระกูลชินวัตร เป็นเวลา 2 ปี คือ ปี 2547-2548 และในที่สุดก็สามารถทวงแชมป์คืนมาได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงปี 2552 ในปัจจุบัน

ส่วนตระกูลอัศวโภคิน ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อีกครั้ง โดยปีนี้มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 2,430.75 ล้านบาท หรือ 13.74% จากการถือ ครองหุ้นของธุรกิจในตระกูล ได้แก่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าหุ้นที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 20,115.45 ล้านบาท

เช่นเดียวกันกับ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบรนด์ “พฤกษา” ที่ยังครองตำแหน่งตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 อีกปี หนึ่ง โดยปีนี้ครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ รวยขึ้นถึง 7,404.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 64.89% เนื่องจากราคาหุ้น บมจ.พฤกษา (PS) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.60 บาท หรือ 64.79% ส่งผลให้ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่าทั้งสิ้น 18,813.93 ล้านบาท

ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ยังคงเป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 25 คน โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 13,286.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,369.28 ล้านบาท หรือ 21.70% ส่วนอันดับ 5 ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ตระกูลว่องกุศลกิจ โดยการถือครองหุ้นรวมมูลค่า 7,903.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,449.97 ล้านบาท หรือ 44.93% ซึ่งหุ้นที่ถือครองมี 3 บริษัท คือ บมจ. บ้านปู (BANPU) บมจ.ยูไนเต็ด แสตนดาร์ด เทอร์มินัล (UST) และบมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN)

สำหรับตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นจากอันดับ 48 มาอยู่อันดับ 38 ในปีนี้ โดยรวยขึ้น 588.81 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 43% ซึ่งคงเหลือแค่ลูกสาวคนโต พิณทองทา ชินวัตร (เอม) และลูกสาวคนสุดท้อง แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) เท่านั้นที่ยังคงติดอยู่ใน ทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทย โดยน้องสาว แพทองธาร อยู่ในอันดับ 78 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) 29.13% มูลค่า 981.72 ล้านบาท และพี่สาว พิณทองทา อยู่ ในอันดับ 79 ถือหุ้น SC 28.97% มูลค่า 976.40 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นที่สองสาวถือครองทั้งสิ้น 1,958.12 ล้านบาท

ส่วน คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 680 ถือหุ้น SC 2.88% และ บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) 0.53% รวมมูลค่า 107.94 ล้านบาท ขณะที่พี่ชาย บรรพจน์ ดามาพงศ์ ก้าวขึ้นเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 15 จากอันดับ 20 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือ หุ้นมูลค่ารวม 3,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,039.68 ล้านบาท หรือ 41.53% ประกอบด้วย หุ้น SC 4.95% มูลค่า 166.95 ล้านบาท บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) 1.21% มูลค่า 2,384.25 ล้านบาท และ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) มูลค่า 991.80 ล้านบาท

10 อันดับเศรษฐีหุ้นไทย ประจำปี 2552

อันดับ ชื่อ -นามสกุล

จำนวนเงิน เปลี่ยนแปลง %

(ล้านบาท) (ล้านบาท)

1

อนันต์ อัศวโภคิน

15,967.35 1,309.90 8.94

2

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์

15,830.43 6,231.27 64.91

3

นิติ โอสถานุเคราะห์

5,733.57 1,361.09 31.13

4

ประวิทย์ มาลีนนท์

5,161.84 296.92

6.10

5

วิโรจน์ ธนาลงกรณ์

4,380.60 1,218.27 38.52

6

วรวิทย์ วีรบวรพงศ์

4,319.70 0.00

-

7

ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม

4,304.94 779.19

22.10

8

ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ 4,240.75 -870.46

-17.03

9

อนุพงษ์ อัศวโภคิน

3,680.41 971.07

35.84

10

ประชุม มาลีนนท์

3,598.31 208.31

6.14

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026914126 พุธทยา แสงหิรัญ

บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด