บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 11 ธ.ค.2552

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--ตลท.

QLT - แม้คำสั่งศาลที่ประกาศระงับการก่อสร้างโครงการใหม่ที่มาบตาพุด จะทำให้เกิดความล่าช้าและอาจกระทบต่อการหาฐานลูกค้าใหม่ของบริษัทในอนาคต แต่ทางกลับกันความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจตรวจสอบเชิงวิศวกรรมแบบไม่ทำลาย เป็นเครื่องมือตรวจสอบเบื้องต้นที่สำคัญในหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมี เนื่องจากอุบัติเหตุและความผิดพลาดในอุตสาหกรรมดังกล่าว ก?อให้เกิดความเสียหายต?อ ชีวิตและทรัพย?สินมากกว่าค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่บริษัทต้องจ่ายเงินออกไป ดังนั้นแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมีที่ยังมีเติบโตสม่ำเสมอ ส่งผลต่อเนื่องให้งานตรวจสอบเชิงวิศวกรรมแบบไม่ทำลายในอนาคตคาดจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20% จากมูลค่างานปัจจุบันที่สูงกว่า 1 พันล้านบาท ปัจจัยดังกล่าว ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานบริษัทยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดย SCRI ประเมินกำไรปี 2552 – 2554 ของ QLT ขยายตัวไม่ต่ำกว่าปีละ 11% นอกจากนี้ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจนใกล้เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องในระดับสูง จนสามารถจ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราไม่ต่ำกว่าปีละ 6% ต่อปี ดังนั้น SCRI แนะนำ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 2553 เท่ากับ 7.6 บาท/หุ้น คาดกำไรใน Q4/52 ยังทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2552 เติบโต 28% yoy: ผลการดำเนินงานในงวด 9M/52 ที่เติบโตโดดเด่นจากการทยอยรับรู้รายได้สม่ำเสมอและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับทิศทางของผลประกอบการใน Q4/52 ที่คาดจะยังทรงตัวในระดับสูงที่ 17 ล้านบาท อันเป็นผลจากการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ผลระทบจากโครงการในมาบตะพุดที่ถูกศาลระงับการก่อสร้างและต้นทุนคงที่ที่ปรับลดลงตามจำนวนงานที่สูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าว ทำให้แนวโน้มกำไรปี 2552 เพิ่มขึ้น 28% yoy จาก 57 ล้านบาทเป็น 73 ล้านบาท กฎหมายด้านความปลอดภัยโรงงานที่คาดจะมีความเข้มงวดมากขึ้น หนุนให้งานในมือของบริษัทยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำไรปี 2553 ยังขยายตัว 10% yoy: แม้ผลกระทบจากมาบตาพุด อาจทำให้งานการก่อสร้างโรงงานใหม่อาจชะลอตัว ซึ่งอาจกระทบต่อฐานลูกค้าใหม่ของบริษัท แต่ในทางการกลับกัน ความใส่ใจด้านความปลอดภัยที่จะมีความเข้มงวดมากขึ้น จะช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถรับงานตรวจสอบได้เพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มลูกค้าเก่าของบริษัท และงานในมือปัจจุบันที่มีมูลค่ากว่า 240 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงอุตสาหกรรมก?อสร?างโดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้โครงสร้างโลหะ อีกทั้ง สัดส่วนการตรวจสอบต่อการให้บริการ NDT ที่คาดจะปรับขึ้นจาก 45:55 เป็น 50:50 จะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเท่ากับ 37-39% ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2553 เพิ่มขึ้น 10% yoy เป็น 80 ล้านบาท สภาพคล่องทางการเงินที่ดี ส่งผลให้ QLT สามารถจ่ายปันผลสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่าปีละ 6% p.a.: ฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่งตามผลการดำเนินงานที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ดังเห็นได้จาก Debt Service Coverage Ratio (DSCR) ปี 2552 ที่ปรับขึ้นเป็น 25 เท่า จาก 14 เท่า ในปี 2551 และทำให้ QLT จ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่อง โดย SCRI ประเมินเงินปันผลจ่ายปี 2552 เท่ากับ 0.39 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่ากับ 6% ต่อปี แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 7.6 บาท/หุ้น: ธุรกิจตรวจสอบทางวิศวกรรมกลายเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญและเป็นเครื่องมือตรวจสอบเบื้องต้นที่สำคัญ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่มาบตาพุด ดังนั้น SCRI ประเมินปริมาณงานที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มมูลค่างานตรวจสอบเชิงวิศวกรรมแบบไม่ทำลายในอนาคตให้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20% จากมูลค่างานปัจจุบันที่สูงกว่า 1 พันล้านบาท ปัจจัยดังกล่าว จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ QLT ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น SCRI ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมปี 2553 ภายใต้วิธี DDM (Payout 45%, Ke 10.2%, G 3.5%) เท่ากับ 7.2 บาท/หุ้น ณ 11 ธ.ค. 52

ข่าวสถาบันวิจัยนครหลวงไทย+โรงงานอุตสาหกรรมวันนี้

ภาพข่าว: L&E ต้อนรับผู้แทน mai นักลงทุน-นักวิเคราะห์เยี่ยมโชว์รูม LSC

คุณปกรณ์ บริมาสพร (กลางแถวนั่ง) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์ mai นักวิเคราะห์และนักลงทุน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชม "Lighting Solution Center" หรือ LSC โชว์รูมครบเครื่องเรื่องโคมไฟแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ของบริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ชั้น G อาคารภคินทร์ ถนนรัชดาภิเษก อย่างเป็นทางการ ตามโครงการ Company Visit ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์ mai ร่วมกับสถาบันวิจัยนครหลวงไทย (siam city research

บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 9 เม.ย. 2553

แม้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์จะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม SCRI ประเมินว่าผลกระทบจะไม่มากเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลสำคัญ คือ การไม่เกิดความรุนแรง และ ภาวะ...

ภาพข่าว: “วิเคราะห์สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 53”

สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ นิด้า อดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหารระดับสูง บ.เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และคุณยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์...

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันนี้(3 มีนาคม 2553)

วันพุธที่ 3 มีนาคม 2553 09.00 น. เคทีซี แถลงข่าว ผลประกอบการ ประจำปี 2552 ณ อาคาร สมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33 09.00 น. บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน : บมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.โกลบอล คอน เน็คชั่นส์ บมจ.เด็มโก้ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา บมจ...

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันพรุ่งนี้(3 มีนาคม 2553)

วันพุธที่ 3 มีนาคม 2553 09.00 น. เคทีซี แถลงข่าว ผลประกอบการ ประจำปี 2552 ณ อาคาร สมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33 09.00 น. บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน : บมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.โกลบอล คอน เน็คชั่นส์ บมจ.เด็มโก้ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา...

ตลท. จัดเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 2/2553 หัวข้อ “จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ภายใต้วิกฤตความเชื่อมั่นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น”

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ขอเรียนเชิญท่านหรือผู้แทนเข้าร่วมงานเสวนา Crisis Watch ครั้งที่ 2 ประจำปี 2553 หัวข้อ...

บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 8 ม.ค. 2553

สถาบันวิจัยนครหลวงไทยแนะนำ เข้าลงทุนในหุ้นตระกูล T (TRT / TPAC/ TNDT) ที่คาดจะประกาศผลการดำเนินงานโค้งสุดท้ายภายใต้ในกลุ่ม mai ออกมาโดดเด่น และมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเฉลี่ย 5-10% ต่อปี TRT: การส่งมอบงานที่คงค้างมาจากใน Q3/52 ประกอบกับการรับรู้ราย...

บทวิเคราะห์ mai จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย 4 ธ.ค. 2552

แม้รัฐบาลจะเร่งการเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภค ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจในประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ดังเห็นได้จาก GDP ใน Q3/52 ที่เริ่มปรับตัวขึ้นจากใน Q2/52 ที่ -3.7% เป็น -2.8% แต่โครงสร้างธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม mai ส่วน...