กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเติบโต 2 เท่าจีดีพี

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--ธนาคารไทยพาณิช

กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ปลื้มผลงานปี 2552 ที่ผ่านมา สามารถครอง “ความเป็นที่สุด” ทั้งในด้านความสามารถในการทำกำไร มูลค่าตลาดรวม ความแข็งแกร่งของฐานะเงินกองทุน และจำนวนสาขาและเอทีเอ็มมากที่สุด เผยปี 2553 มั่นใจเติบโตผลักดันเศรษฐกิจไทย ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 17% และสินเชื่อรวมโต 7-10% โดยการเติบโตจะมาจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งลูกค้าขนาดใหญ่ SME ลูกค้าบุคคล และบริษัทในเครือ ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว ล่าสุด ปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ก้าวนำไปอีกขั้น เพื่อสร้างความผูกพันในแบรนด์ SCB กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมโชว์ศักยภาพศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจจากทั่วโลกเพื่อใช้ในการตัดสินใจทางด้านธุรกิจของลูกค้า นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “ในปี 2552 ที่ผ่านมา แม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจจะมีความผันผวนอยู่มาก แต่ผลงานโดยรวมของธนาคารจัดอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยธนาคารสามารถสร้างความเติบโตในธุรกิจพร้อมๆ ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ธนาคารสามารถครอง “ความเป็นที่สุด” ทั้งในด้านความสามารถในการทำกำไร มูลค่าตลาดรวม ความแข็งแกร่งของฐานเงินกองทุน ฯลฯ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี และเป็นการยืนยันว่าธนาคารได้ดำเนินยุทธศาสตร์ในการบริหารงานได้อย่างถูกต้อง” สำหรับในปี 2553 ธนาคารคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมจะเติบโตดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และมีอัตราการขยายตัวเป็นบวกอยู่ระหว่าง 3.5-4.5% ธนาคารจึงได้ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 17% และสินเชื่อรวมโต 7-10% หรือประมาณ 2 เท่าของจีดีพี ทั้งนี้การเติบโตของธนาคารจะมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะเน้นสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร (Total Solution) การเติบโตของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME โดยให้ความสำคัญกับการบุกตลาดและลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก และการเติบโตของกลุ่มลูกค้าบุคคล มุ่งผลักดันธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และขยายสินเชื่อเคหะอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเติบโตของกลุ่มบริษัทในเครืออย่าง บลจ.ไทยพาณิชย์ และบล.ไทยพาณิชย์ อีกด้วย นอกจากเป้าหมายหลักในการสร้างการเติบโตของธุรกิจแล้ว ธนาคารยังต้องเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว โดยใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น พัฒนาความเชี่ยวชาญและความสามารถในการวิเคราะห์ ข้อมูลทางธุรกิจ โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) เพื่อประกอบการตัดสินใจที่ดีขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น บริหารความเสี่ยงตามแนวทางหลักเกณฑ์ Basel II และจัดสรรเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนถึงการปรับปรุงแบรนด์ให้ก้าวนำไปข้างหน้า เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว“การปรับภาพลักษณ์ของธนาคารในครั้งนี้ เพื่อให้แบรนด์ SCB มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น และทำให้แบรนด์ดูสดชื่นขึ้น โดยสร้างจากจุดเด่นของไทยพาณิชย์ โดยเฉพาะตราสัญลักษณ์รูปใบโพธิ์ และสีม่วง โดยธนาคารจะมีการปรับรูปลักษณ์ใหม่ของสาขา หน้าจอตู้เอทีเอ็ม และเครื่องแบบพนักงาน ซึ่งลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดูสดชื่นขึ้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ไม่ได้เป็นการปรับเปลี่ยนในส่วนของรูปลักษณ์องค์กรภายนอกเท่านั้น แต่ยังต้องดำเนินการในส่วนของการปลูกฝังทัศนคติและวิธีการทำงานของพนักงานให้สอดคล้องกับแบรนด์ด้วย เพื่อให้ธนาคารเป็น “ธนาคารที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคมเลือก (The Bank of Choice)” ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ พร้อมให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร (The Premier Universal Bank in Thailand) แก่ลูกค้าทุกกลุ่มที่มีความต้องการบริการทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกัน ตามสโลแกนใหม่ของธนาคาร “ไปด้วยกัน ไปได้ไกล” นางกรรณิกา กล่าวเสริมในตอนท้าย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร ก่อตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในปี พ.ศ. 2449 โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 ธนาคารมีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงิน (295 พันล้านบาท) มีเครือข่ายสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดในประเทศไทย (สาขารวมทั้งสิ้น 987 สาขา ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 118แห่ง เครื่องเอทีเอ็ม 7,129เครื่อง) เพื่อให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง/ขนาดย่อม และลูกค้าบุคคล ด้วยขนาดสินทรัพย์ 1,294 พันล้านบาท สามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scb.co.th ติดต่อ สื่อสารองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) โทร : 02-544-4502, 02-544-4517 Email : [email protected]

ข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ปลื้มผลงานปี+กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์วันนี้

เครือเจริญโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์จับมือร่วมตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มุ่งลงทุนใน Startup ที่มีศักยภาพทั่วโลก

เครือเจริญโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์จับมือร่วมกันก่อตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นการลงทุนใน Disruptive Technology ด้านบล็อคเชน (Blockchain) สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) เทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั่วโลก การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการดึงจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย เพื่อร่วมบริหารจัดการกองทุน Venture Capital โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลากหลายและมี