กฟผ. จับมือ MHI- MC และ ราชบุรีโฮลดิ้ง ตั้งบริษัทอีแกทไดมอนด์ฯ รับซ่อมเครื่องกังหันก๊าซของระบบผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยและภูมิภาค

12 Oct 2009

กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--กฟผ.

กฟผ. จับมือ Mitsubishi Heavy Industries (MHI), Mitsubishi Corporation (MC) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ลงนามร่วมทุนจัดตั้งบริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด มูลค่า 830 ล้านบาท เพื่อให้บริการซ่อมชิ้นส่วนกังหันก๊าซของระบบผลิตไฟฟ้าในประเทศ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมไฟฟ้าไทย

วันนี้ (12 ต.ค.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทอีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อ ดำเนินโครงการโรงงานซ่อมชิ้นส่วนกังหันก๊าซ (Joint Venture Agreement: JVA) (EGAT Diamond Service Co.,Ltd.) โดยมีผู้ร่วมลงนาม 4 ราย ประกอบด้วย นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ. นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (Ratchaburi Holding), Mr.Yoshiaki Tsukuda , Executive Vice President บริษัท Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. (MHI) และ Mr.Tomoki Yoda, Unit Manager, Power Systems Export Unit, Power & Electrical Systems Division บริษัท Mitsubishi Corporation (MC) ณ ห้อง 201 อาคารสำนักผู้ว่าการ สำนักงานกลาง กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

นายสมบัติ กล่าวว่า บริษัท อีแกทไดมอนด์ฯ จัดตั้งขึ้นตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เพื่อเป็นบริษัทที่ให้บริการซ่อมชิ้นส่วนเครื่องกังหันก๊าซ (Hot Gas Path Parts) ของระบบผลิตไฟฟ้า ทั้งที่ผลิตโดยบริษัมิตซูบิชิและบริษัทอื่นๆ โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 830 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุนในทรัพย์สิน ประมาณ 690 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียน ประมาณ 140 ล้านบาท

ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวต่อไปว่า การจัดตั้งบริษัทอีแกท ไดมอนด์ฯ ทำให้เกิดความสะดวกจากการ ที่มีแหล่งซ่อมฯ ในประเทศ ขณะเดียวกัน กฟผ. ได้ดำเนินการจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน ในสัดส่วน กฟผ. ร้อยละ 45 บริษัท MHI ร้อยละ 30 บริษัท MC ร้อยละ 15 และ ราชบุรีโฮลดิ้ง ร้อยละ 10 เพื่อผสานจุดแข็งของผู้ร่วมลงทุนแต่ละรายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการลงทุน เนื่องจากการตั้งโรงซ่อมฯ ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และเทคโนโลยีการออกแบบเพื่อผลิตและซ่อมชิ้นส่วนเครื่องกังหันก๊าซต้องเป็นเทคโนโลยีระดับสูงเฉพาะของผู้ผลิตแต่ละราย ดังนั้น การที่เราร่วมทุนกับมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นผู้ผลิตกังหันก๊าซและมีความเชี่ยวชาญการซ่อมอุปกรณ์ทำให้เราไม่มีความเสี่ยงทางเทคโนโลยีซึ่งเปลี่ยนแปลงไปได้ตามเวลา นอกจากนี้ชิ้นส่วนเครื่องกังหันก๊าซยังมีราคาแพงเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนประเภทอื่น จึงมีค่าซ่อมตลอดอายุสูงและมีระยะคืนทุนนาน

“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการพัฒนาด้านการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ส่งผลให้ในอนาคตประเทศไทยจะมีโรงซ่อมชิ้นส่วนเครื่องกังหันก๊าซที่มีระดับเทคโนโลยีเทียบเท่ากับบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ รวมถึงเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีระดับสูงด้านการซ่อมชิ้นส่วนเครื่องกังหันก๊าซ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าในประเทศต่อๆ ไป” นายสมบัติกล่าว

ด้านนายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ RATCH กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้ สะท้อน กลยุทธ์การสร้างความเติบโตของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งรวมถึงธุรกิจบำรุงรักษา การลงทุนในบริษัท อีแกท ไดมอนด์ฯ นับเป็นความภูมิใจ เพราะจะเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ให้บริการซ่อมอุปกรณ์เครื่องกังหันก๊าซของระบบผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้โรงไฟฟ้าต่าง ๆ ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมอุปกรณ์กังหันก๊าซโดยไม่ต้องส่งไปซ่อมยังต่างประเทศ ทำให้โรงไฟฟ้ามีความพร้อมสูงขึ้น และประหยัดเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ บุคลากรของเรายังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการซ่อมชิ้นส่วนระดับสูงจากมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องกังหันก๊าซรายใหญ่ของโลก ทำให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และพัฒนาศักยภาพไปสู่การเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรักษาของภูมิภาคในอนาคตได้ บริษัท เชื่อมั่นว่า โรงไฟฟ้าต่าง ๆ จะให้การตอบรับอีแกท ไดมอนด์ เป็นอย่างดี เพราะบริการที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญระดับสูงของอีแกท ไดมอนด์