ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ อำพันงามแห่งท้องทะเลอันดามัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

หลัง จากลมพายุกิสนาคลายโทสะลงหลงเหลือไว้เพียง เศษเสี้ยวปรักหลักหักพังที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ร่วมกระทั่งพื้นที่บริเวณใกล้เคียงที่คงได้ผลรับจากเหตุการณ์นี้โดยดุษฎี ไม่เพียงแต่ผลกระทบทางตรงเท่านั้นที่พายุฝากเอาไว้ แต่ยังส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์บางอย่างที่พบได้ไม่บ่อยนักบริเวณชายหาดฝั่งทะเลอันดามันของเมืองไทย ปรากฏการณ์ที่ว่าก็คือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (Ambergris) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า อำพัน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ขี้ปลาวาฬหรืออำพันเป็นสารที่ถูกขับถ่ายออกมาจากวาฬหัวทุย โดยวาฬชนิดนี้กินปลาหมึกเป็นอาหารหลัก ไขมันปลาหมึกที่ย่อยสลายไม่ได้จะถูกสะสมบริเวณลำไส้และถูกขับถ่ายออก โดยเมื่อแรกที่ถูกขับจะมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือนหรือเป็นปี ได้เกิดปฏิกิริยากับอากาศแสงแดด ระหว่างล่องลอยอยู่ในทะเล แต่ด้วยค่าความถ่วงจำเพาะที่มีน้อยกว่าน้ำทะเลจึงมีคุณสมบัติทางเคมีเปลี่ยนไป ทำให้มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว น้ำตาล เทา หรือดำ ตามระยะเวลาในการทำปฏิกิริยา ละลายที่อุณหภูมิมากกว่า 62 องศาเซลเซียส แต่ด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส จะระเหยเป็นไอ ลักษณะพิเศษของ ขี้ปลาวาฬ (Ambergris) คือ มีกลิ่นหอมคล้ายสารจำพวกน้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นวัตถุดิบในการสกัดหัวน้ำหอม หรือนำไปแต่งกลิ่นในอาหารหรือไวน์ เป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้อำพันมีมูลค่าสูงมากถึงกิโลกรัมละหลายหมื่นบาท ลักษณะของ Amberigris ที่พบบริเวณเกาะระ (ภาพข่าวจากเว็บไซต์ไทยรัฐ) ด้วยการมาของขี้ปลาวาฬหรืออำพันตามที่ชาวบ้านเรียกขานกันมานานนั้น แสดงให้เห็นว่าชายฝั่งทะเลอันดามันยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เป็นแหล่งอาศัยและหากินของวาฬ และสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งใกล้สูญพันธุ์อีกหลายชนิด นอกจากจะมีคุณค่าทางธรรมชาติแล้ว ยังจะก่อให้เกิดผลดีกับการท่องเที่ยวของอันดามัน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่พบเห็นวาฬหัวทุย ยาวประมาณ 20 เมตร น้ำหนักมากกว่า 15 ตัน ในทุกปี และวาฬดังกล่าวจะปล่อยไขมันภายในร่างกายหรืออำพันออกมา ซึ่งปีนี้ถือว่ามีปริมาณมากกว่าทุกปี และเป็นก้อนขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม ยังมีชาวประมงอีกหลายคนเคยพบเห็นวาฬขนาดใหญ่บ่อยครั้งมาก และบางครั้งก็ว่ายเข้ามาใกล้ๆ กับเรือประมง อำพันที่พบครั้งนี้ถือว่าเป็นก้อนอำพันที่สมบูรณ์มาก ซึ่งการที่ขี้ปลาวาฬ หรือ อำพันถูกพัดเข้ามาบริเวณชายฝั่งทะเล ไม่ใช่ลางบอกเหตุร้าย และก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าจะเป็นลางไม่ดีอย่างที่ประชาชนบางกลุ่มเข้าใจแต่อย่างใด หากทว่าเป็นเครื่องการันตีถึงชายทะเลและชายฝั่งของอันดามันที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยและหากินของสัตว์น้ำนานาชนิด วาฬหัวทุย (Sperm whale, Physeter Macrocephalus) เหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจมาจากผลพวงของลมพายุกิสนาที่พัดเอาขี้ปลาวาฬหรืออำพันเข้ามายังชายฝั่งอันดามัน นับว่าเป็นเรื่องดี อาจกล่าวได้ว่าเป็นดัชนีชี้วัดถึงความอุดมสมบูรณ์ของชายฝั่งและท้องทะเลอันดามันของไทยที่ยังคงอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและระบบนิเวศที่ยังดีอยู่ นับว่าเป็นอำพันงามในท้องทะเลอันดามันก็ว่าได้ กลุ่มสื่อสารองค์กร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 120 หมู่ 3 ชั้น 5 อาคารรวมหน่วยราชการ (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0-2141-1299 โทรสาร 0-2143-9249 สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าววรรณเกียรติ ทับทิมแสง+ประเทศฟิลิปปินส์วันนี้

SSP รุกตลาดพลังงานลมอาเซียน ปล่อยหมัดเด็ด 'บาโก' 150 MW ที่ฟิลิปปินส์

บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) นำโดยนายภาสกร ปัญญารัตนากร (ที่ 1 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ และนางสาวเยาวภา เกล้านพรัตน (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ได้เข้าพบกับ นางมารีนา จาเวลลานา-เหยา (กลาง) นายกเทศมนตรีเมืองบาโก ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม "บาโก" (BAGO Wind Farm) ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองบาโก ประ

ภาพข่าว: เชฟรอนสนับสนุนโครงการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาปะการังฟอกขาว

นายชัยวัฒน์ เยาวภาพงศ์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย และนางหทัยรัตน์ อติชาติ (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด มอบงบประมาณสนับสนุนจำนวน 3.2...

ไทย-จีนร่วมมือ เตรียมวางทุ่นศึกษาทิศทางลมทำนายปรากฏการณ์ลมมรสุมของเอเชีย

ไทย-จีน ร่วมลงนามความร่วมมือศึกษางานวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล เตรียมติดตั้งทุ่นสมุทรศาสตร์ศึกษาทิศทางลม คาดผลทำนายปรากฏการณ์ลมมรสุมสามารถช่วยเกษตรกรและภาคเศรษฐกิจได้ นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย...

ภาพข่าว: เชฟรอนสนับสนุนการประชุมวิชาการ “วิทยาศาสตร์ทางทะเล 2553” จังหวัดภูเก็ต

เมื่อเร็วๆ นี้ นายชัยวัฒน์ เยาวภาพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วยนางหทัยรัตน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ (ซ้าย) บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต...

โลกร้อนทำพิษ ส่งผลน้ำทะเลร้อน ปะการังตาย ทช.วอนหยุดดำน้ำชั่วคราว ลดรบกวนปะการัง

อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูง ส่งผลให้ปะการังฟอกขาวเป็นบริเวณกว้าง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและ อันดามัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งวอนนักท่องเที่ยวงดดำน้ำ ลดการรบกวนปะการัง ให้เวลาฟื้นตัว นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย...

ทช.ร่วมมือในโครงการ CalMarO ระหว่างประเทศ ศึกษาการสะสมหินปูนของสัตว์ทะเล

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศ “Calcification by Marine Organisms : CalMarO” หรือโครงการศึกษาการสะสมหินปูนของสิ่งมีชีวิตในทะเล เพื่อพัฒนาเป็นฐานความรู้ในการป้องกันและแก้...

ทช.เตรียมโชว์ผลงานวิชาการทางทะเลและชายฝั่ง ในการสัมมนาวิชาการประจำปี 2552

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระดมองค์ความรู้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งด้านสมุทรศาสตร์และสิ่งแวดล้อม นิเวศวิทยา สัตว์ทะเลหายาก และการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อนำเสนอในการสัมมนาทางวิชาการกรมทรัพยากรทางทะเล...

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงนามความร่วมมือกับจีนในเรื่องสมุทรศาสตร์

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชติและสิ่งแวดล้อม ได้นำคณะเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้แก่ นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดี ทช., นางเจิดจินดา ...