กลุ่มไทยยูเนี่ยน จับมือพันธมิตรจากญี่ปุ่น เดินหน้าสู่เทคโนโลยีขั้นสูง ผลิตน้ำมันปลาทูน่า ไปใช้ในอาหารเด็กอ่อน

11 Nov 2009

กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น

บริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนจับมือบริษัท นิปปอน ซุยซัน ไคชา จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าผลิตน้ำมันปลาทูน่าด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่สามารถนำไปเป็นส่วนผสมในอาหารเด็กอ่อนได้ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า พร้อมช่วยลดเศษวัตถุดิบเหลือใช้จากกระบวนผลิตอาหารทะเลได้เป็นอย่างดี

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงรายละเอียดของการลงทุนครั้งนี้ว่า “บริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ร่วมมือกับนิปปอน ซุยซัน ไคชา พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำธุรกิจทางด้านอาหารทะเลเหมือนกัน จัดตั้งบริษัท ทีเอ็น ฟายน์ เคมีคอลส์ จำกัด (TN Fine Chemicals Co., Ltd.) ด้วยทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผลพลอยได้จากการผลิตอาหารทะเลแปรรูป (BY-PRODUCT) มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์จากอาหารที่มีคุณภาพ (FINE CHEMICALS) และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และยารักษาโรคต่างๆ

ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทูน่าแปรรูปที่สามารถผลิตและส่งออกได้มากที่สุดในโลก ซึ่งจากจุดแข็งดังกล่าว ทำให้บริษัทเล็งเห็นคุณประโยชน์ของการนำเอาผลพลอยได้จากการผลิตมาพัฒนาเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่ม สำหรับทีเอ็น ฟายน์ เคมีคอลส์ มีการใช้เงินลงทุนทางด้านเครื่องจักรกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ใช้เทคนิคอันทันสมัย โดยใช้ระบบเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีใครใช้ ทีเอ็น ฟายน์ เคมีคออส์ จะเป็นเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ โดยในช่วงแรกจะผลิตน้ำมันปลาทูน่าก่อน และด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว น้ำมันปลาทูน่าที่ผลิตได้จะสามารถนำไปเป็นส่วนผสมในอาหารเด็กอ่อนได้ และช่วยเสริมสร้างส่วนสมองของเด็กให้มีพัฒนาการที่ดีและมีความสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากความก้าวหน้าทางด้านน้ำมันปลาทูน่าแล้ว โครงการต่อไปจะทำการผลิตสารสกัดจากเปลือกกุ้ง เปลือกปู ที่เรียกว่า สารกลูโคซามีน ซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการผลิตเช่นกัน โดยสารกลูโคซามีนนี้ จะสามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคข้อกระดูกเสื่อม ซึ่งจะช่วยหล่อลื่นข้อกระดูก บรรเทาอาการเจ็บปวดของข้อกระดูกต่างๆ ได้ดี”

นอกจากนี้นายธีรพงศ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า “โครงการนี้จะช่วยลดเศษวัตถุดิบเหลือใช้จากกระบวนการผลิตอาหารทะเลได้โดยตรง ในขณะที่ทางอ้อมก็ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น เนื่องจากเศษวัตถุดิบที่มาจากการผลิตโดยรวมลดลง และยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เศษวัตถุดิบเหลือใช้ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้กับบริษัท สำหรับในช่วงแรกนี้ บริษัท ทีเอ็น ฟายส์ เคมีคอลส์ จะสามารถผลิตน้ำมันปลาทูน่าได้ 540 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายปีละไม่ต่ำกว่า 125 ล้านบาทโดยตลาดหลักของบริษัทจะประกอบไปด้วย ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถทำรายได้เข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมากจากเศษวัตถุดิบเหลือใช้จากกระบวนการผลิตอาหารทะเล นับเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีค่าจากท้องทะเลอย่างคุ้มค่า และยังก้าวไปสู่วิวัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของการผลิต

สำหรับทียูเอฟนั้น ผลการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกำไรสุทธิที่บริษัทสามารถทำได้ถึง 2,625.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายรูปเงินบาทเท่ากับ 51,792.8 ล้านบาท และยอดขายรูปเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 1,495.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทยังมั่นใจศักยภาพการดำเนินธุรกิจของทุกๆ บริษัทในเครือจะสามารถสร้างอัตราการเติบโตของยอดขายและกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์

โทร.0-2298-0024 ต่อ 675-678

โทรสาร 0-2298-0024 ต่อ 679