ฟิทช์: ความไม่สงบทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์

ฟิทช์ เรทติ้งส์ แสดงความเห็นว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทย เนื่อง จากการลดลงของรายได้และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีเงินกองทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถช่วยรองรับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่หากการเติบโตของเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอและความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2553 วินเซนต์ มิลตัน กรรมการผู้จัดการของ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด และนักวิเคราะห์อาวุโสในส่วนสถาบันการเงินของฟิทช์ กล่าวว่า “เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง รายได้ของธนาคารพาณิชย์ไทยอาจอ่อนแอลง จากการลดลงของการบริโภคและการลงทุน ประกอบกับการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทยจะยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในปี 2553” ความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ โดยเฉพาะสินเชื่อในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมค้าปลีก และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคน่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการหยุดชะงักในการประกอบธุรกิจของอุตสาหกรรมดังกล่าว ฟิทช์คาดว่าสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์ไทยอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับเฉลี่ยปัจจุบันที่ประมาณ 6% ของสินเชื่อรวม ในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY: ‘AA-(tha)’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) มีสัดส่วนสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคอยู่ในระดับที่สูงที่สุด (42% ของสินเชื่อ) และมีสัดส่วนสินเชื่อในภาคอุตสาหกรรมโรงแรมอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4% ของสินเชื่อ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB: ‘AA(tha)’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) มีสัดส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภคอยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (38% ของสินเชื่อ) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK: ‘A(tha)’/เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวก) มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สูงที่สุด (80% ของสินเชื่อ) ในขณะที่ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (AEONT: ‘BBB+(tha)’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งประกอบธุรกิจให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อย มีความเสี่ยงสูงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีรายได้ค่อนข้างต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต สำหรับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB: ‘AA+(tha)’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากธนาคารอาจต้องปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารได้ ฟิทช์คาดว่าอัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวม (ROA) ของธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะปรับตัวลดลง จากระดับที่ค่อนข้างสูงในปี 2552 (3.4% และ 1.1% ตามลำดับ) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ต่ำลงและการเพิ่มขึ้นของการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ อย่างไรก็ตามจากการที่ธนาคารพาณิชย์ไทยมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่แข็งแกร่ง (เฉลี่ย 11.7% ณ สิ้นปี 2552) ทำให้สามารถรองรับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวได้ ในการทำการประเมินสถานะความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย ในกรณีที่ภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงอย่างรุนแรง (high stress scenario) ซึ่งมีสมมุติฐานว่าผลการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะปรับตัวลดลงอย่างมาก (อ้างอิงจากรายงาน “Thai Bank: 9M09 Review and Outlook – Strong Buffer to Absorb Downside Risks in 2010”, ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2552) ธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่น่าจะยังคงมีเงินกองทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอ เนื่องจากอัตรากำไรและเงินกองทุนของธนาคารที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 แม้ว่าอาจชะลอตัวลง ฟิทช์ยังคงมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2553 โดยคาดการณ์ว่า GDP ของปี 2553 จะมีอัตราการเติบโตที่ 3.8% ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2553 จำนวนสถาบันการเงินในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับโดยฟิทช์มีทั้งสิ้น 27 บริษัท การเปิดเผยข้อมูล: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีผู้ถือหุ้นใดนอกเหนือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัดแห่งประเทศอังกฤษที่มีส่วนในการดำเนินงานและการจัดอันดับเครดิตที่จัดโดยบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด ซึ่งถูกถือหุ้น 100% โดย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีผู้ถือหุ้นใดนอกเหนือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัดแห่งประเทศอังกฤษที่มีส่วนในการดำเนินงานและการจัดอันดับเครดิตที่จัดโดยบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตของบริษัทฯ นี้ ฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Global Financial Institution Criteria ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2552 และ National Ratings-Methodology Update ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2549 ติดต่อ พชร ศรายุทธ, นฤมล ชาญชนะวิวัฒน์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4755 หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

ข่าวธนาคารพาณิชย์ไทย+ฟิทช์ เรทติ้งส์วันนี้

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ แต่งตั้ง เอเดรียน เมซซินาวเออร์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ และ จูเลียส แบร์ (Julius Baer) ประกาศแต่งตั้ง นายเอเดรียน เมซซินาวเออร์ (Adrian Mazenauer) ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด คนใหม่ มีผลทันที "บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด" (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง "ธนาคารไทยพาณิชย์" ธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกของประเทศ และ "จูเลียส แบร์" (Julius Baer)

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิด... แบงก์ชาติ-แบงก์พาณิชย์มั่นใจระบบสถาบันการเงินไทยมีความเข้มแข็งเพียงพอ — นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย...