ธนาคารดอยซ์แบงก์ได้รับการโหวตเป็นผู้ค้าและบริหารเงินในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราในภูมิภาคเอเชียรายใหญ่ที่สุดจากผลการสำรวจทั่วโลก

26 May 2010

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค

ผลการสำรวจชี้การที่ค่าเงินของประเทศต่างๆในเอเชียแข็งค่าขึ้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกได้

ธนาคารดอยซ์แบงก์ประกาศในวันนี้ว่า ธนาคารฯ เป็นผู้ค้าและบริหารเงินรายใหญ่ที่สุดให้กับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราในภูมิภาคเอเชีย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 22.39 ตามผลสำรวจการแลกเปลี่ยนเงินตรา ทั่วโลกซึ่งดำเนินการสำรวจโดยนิตยสารยูโรมันนี่อันสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดการเงิน

ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า การที่ค่าเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ได้ส่งผลให้ผู้ส่งออกในภูมิภาคมีความจำเป็นต้องดำเนินการบริหารความเสี่ยงต่อรายได้ที่มาในรูปแบบของเงินตราต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ของธนาคารดอยซ์แบงก์คาดการณ์ว่า ค่าเงินสกุลต่างๆ ในเอเชียจะยังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น และความเป็นไปได้ที่ค่าเงินหยวนของจีนจะได้รับการเพิ่มค่าให้แข็งขึ้น

นางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารเงินและการค้าตราสารอนุพันธ์ ธนาคารดอยซ์แบงก์ประจำประเทศไทยเผยว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ส่งออกในภูมิภาคเอเชียเนื่องมาจากผลกำไรจากรายรับที่เป็นเงินตราต่างประเทศมีมูลค่าลดลง

“การเป็นผู้ค้าและบริหารสภาพคล่องของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรารายใหญ่ที่สุดให้กับตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแห่งเอเชียทำให้เราสามารถนำเสนอการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดีกว่าและสามารถมอบประเภทผลิตภัณท์ในการให้บริการทางการเงินที่หลากหลายยิ่งขึ้น อันจะช่วยให้ลูกค้าของเราบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม” นางสาวอรกัญญากล่าวเสริม

ด้าน มร. เดวิด บีเอิล ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวถึงส่วนแบ่งทางการตลาดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการให้บริการธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศชั้นนำแก่ลูกค้าว่า “ยิ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากเท่าไร ธนาคารก็ยิ่งสามารถเข้าถึงลูกค้าในจำนวนที่มากขึ้นเท่านั้น อันจะช่วยให้ธนาคารสามารถตั้งราคาผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกันในสกุลเงินที่หลากหลายและในจำนวนที่มากขึ้นได้ อันถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในตลาดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีสภาพคล่องมากที่สุด”

ธนาคารดอยซ์แบงก์คาดว่า ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองมีความมั่นคง ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นจนทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอยู่ที่ระดับ 31.8 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในสิ้นปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราปัจจุบันที่ 32.54 บาท

ธนาคารดอยซ์แบงก์ยังคาดการณ์อีกว่า หากประเทศจีนยอมปล่อยให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียก็จะมีแนวโน้มยอมให้ค่าเงินสกุลของประเทศตนแข็งค่าขึ้นต่อไปด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการลดความกังวลต่อการเสียเปรียบด้านการแข่งขันต่อค่าเงินหยวน

ผลสำรวจจากนิตยสารยูโรมันนี่ในปีนี้ มาจากการสำรวจความคิดเห็นจากองค์กรกว่า 11,700 แห่ง และจากลูกค้าสถาบันในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก ที่มีมูลค่าการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทั่วโลก รวม 167.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารดอยซ์แบงก์

ธนาคารดอยซ์แบงก์เป็นธนาคารชั้นนำในด้านวาณิชธนกิจ ที่มีฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มลูกค้าคหบดีธนกิจส่วนบุคคลที่มีทั้งความมั่นคงและความสามารถในการทำกำไร นอกจากจะเป็นธนาคารชั้นนำในประเทศเยอรมันและประเทศในแถบยุโรปแล้ว ธนาคารมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสหรัฐอเมริกาเหนือ เอเชีย และกลุ่มประเทศตลาดใหม่ ธนาคารมีพนักงาน 80,849 คน ใน 72 ประเทศทั่วโลกที่ให้บริการด้านการเงินอย่างยอดเยี่ยม ธนาคาร ฯ มีความตั้งใจที่จะเป็นธนาคารชั้นนำของโลกในการให้บริการด้านการเงินกับลูกค้าที่ความต้องการทางการเงินที่ดีที่สุด เพื่อสร้างมูลค่าผลตอบแทนอันเป็นที่ยอมรับให้แก่ผู้ถือหุ้นและประชาชนทั่วไป www.db.com

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แคทริน ฮานส์

ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี

โทร: +65 6423 8418

อีเมล: [email protected]

กมลวรรณ ทันศรี และกัญชลิกา พฤทธิสาริกร

เวเบอร์ แชนด์วิค

โทร: 02 243 6000 ต่อ 181, 176

อีเมล: [email protected]

[email protected]

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net