บกด.อัดงบกว่า 1,300 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพการผลิต “ไม้ ตราช้าง สมาร์ทวูด” ตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำตลาดไม้สังเคราะห์ พร้อมเปิดแนวรุกเต็มพิกัด ทั้งตลาดภายในประเทศ และอาเซียน ปี 54

09 Sep 2010

กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--พี อาร์ โซลูชั่น

บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด(บกด.) ในธุรกิจเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG Building Materials) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซิเมนต์ ที่ปลอดภัยไม่มีส่วนผสมของใยหิน อัดงบกว่า 1,300 ล้านบาท ขยายฐานกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม้ ตราช้าง สมาร์ทวูด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Firm & Flex ซึ่งนอกจากจะเข้ามาช่วยในการพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้มีคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีการออกแบบเครื่องจักรภายใต้หลัก 3 R คือ Reduce Reuse และ Recycle ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของกระบวนการผลิตของ SCG และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกประมาณ 50% ทำให้สามารถลดการใช้ไม้จริงได้ โดยคิดเป็นการทดแทนไม้สักถึงปีละ 265,0000 ต้น คาดว่าการขยายการลงทุนในส่วนนี้ จะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2554 และสามารถรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศ ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ส่งผลให้การเติบโตของตลาดไม้สังเคราะห์รวมโตขึ้นมากกว่า 10 % นอกจากนี้ยังสามารถรุกตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ SCG ที่ต้องการเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียนภายในปี 2558

นาย พันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ผู้นำผลิตภัณฑ์หลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ จากไฟเบอร์ซีเมนต์ เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์ ตราช้าง สมาร์ทวูด ตั้งแต่ปี 2542 นั้น ได้มองเห็นว่า ไม้จริงที่เป็นไม้เนื้อแข็งและมีคุณสมบัติที่ดีเหมาะแก่การเป็นวัสดุก่อสร้างนั้น หาได้ยากและราคาสูงขึ้น และป่าไม้ก็เริ่มมีน้อยลง ในขณะที่ผู้บริโภคหันมานิยมใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพราะให้อารมณ์ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น การเปิดตัวของวัสดุทดแทนไม้ประเภทไฟเบอร์ซีเมนต์จึงเริ่มทยอยออกสู่ตลาด และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากราคาที่เหมาะสมแตกต่างจากไม้จริงที่มีราคาแพง และประสิทธิภาพของไม้สังเคราะห์ ที่ตอบรับความต้องการหรือข้อด้อยจากการใช้ไม้จริงได้เพิ่มมากขึ้นแล้วนั้น ผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ล้วนแล้วแต่มีส่วนผลักดันให้แนวความคิดของการมีส่วนร่วมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพิ่มมากขึ้น” นายพันเทพกล่าว และเพิ่มเติมว่า

“อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปีนับตั้งแต่ที่บริษัทได้นำไม้สังเคราะห์เข้าสู่ตลาดเพื่อใช้เป็นวัสดุทดแทน และสามารถพัฒนาศักยภาพของไม้สังเคราะห์ได้เสมือนไม้จริงนั้น ทำให้เราสามารถลดการใช้ไม้สักได้ทั้งสิ้นประมาณ 600,000 ต้น หรือเท่ากับเกาะเสม็ดประมาณ 7 เกาะ การขยายฐานกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 7.4 ล้านตร.ม.จากเดิม 14 ล้าน ตร.ม. รวมเป็นประมาณ 21.4 ล้าน ตร.ม. ที่โรงงานท่าหลวง จ.สระบุรี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามนี้ใน Q4 ปี 2554 นี้ ทำให้สามารถรองรับปริมาณความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะในประเทศแถบอาเซียน และด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาทในครั้งนี้ นอกจากบริษัทมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านคุณสมบัติของสินค้า ให้มีความยืดหยุ่นด้วยความเหนียว ดัดโค้งง่ายขึ้น มีความทนทาน ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Firm & Flex และความสวยงามของผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้าน Functional ให้เหมือนไม้จริงและ ลวดลายพื้นผิวไม้ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ แล้ว เรายังให้ความสำคัญกับ ความหลากหลายของสินค้า เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผนัง เชิงชาย บัวผนัง รั้ว ฝ้าระแนง พื้น และการตกแต่งดัดแปลงใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ควบคู่ไปกับสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยประสิทธิภาพของขบวนการจัดการที่มีส่วนช่วยลดปริมาณของเสียในกระบวนการผลิตให้ลดน้อยลงภายใต้หลัก 3 R ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของกระบวนการผลิตของ SCG อยู่แล้ว นั่นคือ

  • Reduce คือ การลดความสูญเสียจากวัตถุดิบในการผลิต
  • Reuse คือ การนำน้ำและวัตถุดิบส่วนเกินที่เกิดระหว่างกระบวนการผลิตกลับมาหมุนเวียนใช้
  • Recycle คือ การนำวัสดุจากกระบวนการปลายน้ำ หมุนเวียนกลับมาเป็นวัตถุดิบส่วนเพิ่ม เพื่อเพิ่ม คุณสมบัติของสินค้าให้ดีขึ้นอีกด้วย

นอกจากนั้นแล้ว เรายังเป็นรายแรกและรายเดียวที่ไม่ใช้ใยหินเป็นส่วนผสมในทุกผลิตภัณฑ์มาตั้งแต่ปี 2550 และสีทุกชนิดที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานของเรา ยังเป็น water base ทั้งหมด นั่นคือ ไม่มีโลหะหนัก อย่างสารปรอท หรือสารตะกั่ว เจือปน ผู้บริโภคของไม้ ตราช้าง สมาร์ทวูดทุกคน จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราเป็น Green ทั้ง Process ซึ่งสอดรับกับความต้องการเน้นทำการตลาดแบบ Green หรือแบบ Eco ของ SCG ที่พิเศษมากๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือเครื่องจักรใหม่นี้ จะมี Line การผลิต ที่มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการผลิตได้สูงขึ้น ผลิตได้เร็วขึ้น ทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ จาก “ตราช้าง” รูปลักษณ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ แตกต่างจากที่มีในท้องตลาด และมีคุณสมบัติครบอย่างที่ผู้บริโภคต้องการทั้งความสวย แข็งแรง ทนทาน และดูแลรักษาง่าย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการไม้สังเคราะห์ที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าการผลิตภายใต้กำลังการผลิตใหม่ของสมาร์ทวูดนี้ จะสามารถทดแทนไม้สักได้ 265,000 ต้นต่อปี หรือเท่ากับเกาะเสม็ดประมาณ 3 เกาะด้วย”

“ปัจจุบัน บริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของสินค้าเชิงนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการเพิ่ม Product line และบริการแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ ไม้ ตราช้าง สมาร์ทวูด สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้นและกลายเป็นผู้นำตลาดไม้สังเคราะห์ ที่มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ต่อเนื่องนับเป็นปีที่ 3 โดยเฉพาะ ไม้ฝา ตราช้าง สมาร์ทวูด ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่บริษัทออกวางจำหน่ายและเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูง คิดเป็นสัดส่วนการขาย 40% ของยอดขายไม้สังเคราะห์ ตราช้าง สมาร์ทวูด โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ไม้ทดแทนกลุ่มตราช้าง สมาร์ทวูดในปีนี้ ยังขยายตัวต่อเนื่องอีกประมาณ ใกล้เคียงกับตลาด คือ มากกว่า 10%” นายพันเทพกล่าวสรุป

บรรณานุกรมข่าว

  • ปัจจุบันสมาร์ทวูด มี Product line ทั้งหมด 9 ชนิด ได้แก่ ไม้ฝา ไม้ระแนง ไม้เชิงชาย ไม้บัว ไม้รั้ว ไม้บังตา ไม้มอบ ไม้ปิดกันนก และไม้พื้น
  • ปัจจุบัน บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด .มีโรงงานทั้งหมด 4 โรงงาน คือ ลำปาง สระบุรี ท่าหลวง จังหวัดสระบุรี และทุ่งสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการขยายฐานกำลังการผลิตในครั้งนี้ อยู่ในส่วนของ โรงงานท่าหลวง จ.สระบุรี
  • จากผลประกอบการปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ไตรมาสคาดว่า อัตราการเติบโดยรวมของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8-10% โดยแบ่งเป็นหลังคารวม 55% และบอร์ด ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด, ไม้สังเคราะห์ ตราช้าง สมาร์ทวูด 45% โดยคาดว่า รายได้ในปีนี้ ไม่น่าจะต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท พี อาร์ โซลูชั่น จำกัด : โทรศัพท์ 0-2656-8059 www.prsolution.co.th

คุณจิตฤทัย ทัดเสรีวิบูลย์

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net