การจัดการขยะแบบครบวงจรตามแนวพระราชดำริ…ให้ค่ามหาศาล

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์

“ดูดแก๊สมาทำไฟฟ้าเราเห็นด้วย แต่ว่าขออีกขั้นหนึ่ง มีเวลาอีกประมาณสัก 5 ปี ที่จะมาทำไฟฟ้าด้วยขยะที่สลายไบโอแก๊สออกไปแล้ว เอาออกไปและก็มาเผาด้วยเครื่องสำหรับกรองมลพิษที่ออกมาจากการเผาตั้งแต่ต้นก็มาฝัง แล้วเราก็ดูดแก๊สออกมาใช้ แล้วขุดหลังจากนั้นนำมาเผา ได้ขี้เถ้าแล้วนำไปอัด หมดจากหลุมนี้ก็เอาขยะมากลบ ก็ผลิต 10 ปี ครบวงจรแล้ว” พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานนิทรรศการอุทยานวิจัยและงานเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2538 จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการกำจัดขยะแบบครบวงจร จึงก่อให้เกิดแรงผลักดันเพื่อการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลก ดังที่รู้กันดีว่า “ขยะไม่มีวันหมด ที่ดินไม่มีวันเพิ่ม” การจัดการขยะอย่างครบวงจรตามแนวพระราชดำริจึงเริ่มต้นขึ้น...ภายใต้ความร่วมมือ ระหว่าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ บริษัท กลุ่ม 79 จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำการกำจัดขยะแบบฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาลเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย ที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 14001 : 2004 จากสถาบันมู้ดดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Moody International) ในฐานะบริษัทที่มีระบบมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การกำจัดขยะแบบฝังกลบในระดับสากล หลังจากศึกษาและทดลองมานานกว่า 15 ปี ทำให้วันนี้การกำจัดขยะวิธีฝังกลบอย่างยั่งยืนผ่านการหมุนเวียนการใช้ที่ดินต่อเนื่องถาวร ประเทศไทยยังสามารถผลิตไฟฟ้าจากขยะได้เป็นผลสำเร็จเมื่อปี พ.ศ.2552 โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 480,080 ยูนิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับ บริษัท กลุ่ม 79 จำกัด จึงพร้อมประกาศความสำเร็จและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจนี้ ในงานสัมมนา “การจัดการขยะแบบครบวงจรตามแนวพระราชดำริ” ที่ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ อำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ณ ห้องแซฟไฟร์ 1 อาคารอิมแพค คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ฯพณฯ อำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี กล่าวในงานว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ด้วยแนวพระราชดำริที่ทรงแนะเรื่องการหมุนเวียนที่ดินในการทำเป็นบ่อฝังกลบขยะ และมีการนำกลับมาฝังอีก พร้อมได้พระราชทานพระราชทรัพย์ จำนวน 1 ล้านบาท เป็นการเริ่มต้นในการสนับสนุนจัดตั้ง “กองทุนบำบัดและใช้ประโยชน์จากขยะ” ในมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2538 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นการวางรากฐานการวิจัยอย่างเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง จนในวันนี้เรียกได้ว่าประสพความสำเร็จไปอีกขั้น โดยตลอดเวลาคณะทำงานได้ทูลเกล้าถวายรายงานเป็นระยะ” รองศาสตราจารย์วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “ตลอดเวลาคณะทำงานได้ไปหาความรู้และดูงานที่ต่างประเทศ และได้ดำเนินการต่อมาเป็นเวลาเกือบ 15 ปี มีหน่วยงานและบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือทางงบประมาณ 5 หน่วย เป็นยอดเงินประมาณ 46,903,093.29 บาท มีอาจารย์ที่เข้าร่วมทำงานหลายท่าน แต่โครงการประสบปัญหาและอุปสรรคนานาประการ ทั้งในด้านวิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ และบริหารจัดการ อาทิ แก๊สเป็นพิษ น้ำปนเปื้อน เป็นต้น จนกระทั่ง พ.ศ.2552 จึงประสพความสำเร็จ สามารถผลิตไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 480,080 ยูนิต โดยมีรองศาสตราจารย์เกียรติไกร อายุวัฒน์ ผู้ร่วมวิจัย, ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญมา ป้านประดิษฐ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม และผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกศักดิ์ เอี่ยมโอภาส ผู้ทรงคุณวุฒิประจำศูนย์ปฏิบัติการวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบ” นายไชยยศ สะสมทรัพย์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท กลุ่ม 79 จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประชากรในกรุงเทพมหานครผลิตขยะเฉลี่ย 1 คนต่อ 1 กิโลกรัม หรือประมาณ 8,000 ตันต่อวัน และเราก็ทิ้งขยะกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเศษอาหาร พืชผัก ผลไม้ น้ำเสีย กระดาษฯลฯ ทำให้ปัจจุบันขยะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ที่ต้องมีกระบวนการกำจัดอย่างถูกต้องและเท่าทัน โดยวิธีที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและขยะประเทศไทยคือการฝังกลบซึ่งกว่า 95% ในบ้านเราใช้วิธีนี้ สำหรับการจัดการขยะแบบครบวงจรได้แบ่งการดำเนินการเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 นำขยะมาฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะ โดยมีระบบป้องกันเรื่องกลิ่น การปนเปื้อนของน้ำขยะและแก๊สจากขยะในบ่อฝังกลบที่ถูกต้องตามมาตรฐาน US-EPA ระยะที่ 2 จุลินทรีย์ย่อยสลายขยะได้แก๊สมีเทน ซึ่งแก๊สมีเทนที่ผ่านกระบวนการทำความสะอาด และการดักความชื้น สามารถนำไปใช้ปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าได้ โดยปริมาณแก๊สที่ผลิตได้จะมากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งขนาดหลุมฝัง ประเภทขยะ และความชื้นสัมพัทธ์ เป็นต้น ระยะสุดท้ายซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาทดลอง คือ การขุดขยะที่ให้แก๊สหมดแล้ว นำมาคัดร่อน เพื่อแยกส่วนประกอบผ่านกำลังคนและเครื่องร่อน จากนั้นนำขยะที่เหลือไปแปรสภาพเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ แก้ว พลาสติก ยางรถยนต์ เหล็ก นำไปรีไซเคิล ส่วนขยะที่ผ่านการย่อยสลายสามารถแยกเป็นสารปรับปรุงดินได้ เป็นต้น หลังจากนั้นเมื่อบ่อฝังกลับว่างจึงนำมาหมุนเวียนกลับไปใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่องถาวร ด้วยแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เป็นเสมือนไม้ขีดไฟก้านแรกที่จุดประกายให้เราคิดได้ ให้มีการนำที่ดินมาหมุนเวียนเพื่อใช้ในการฝังกลบขยะ ทำให้ต่อไปนี้เราจะมีพื้นที่กำจัดขยะต่อเนื่องถาวร ซึ่งอาจกล่าวว่าไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลก นี่จึงเป็นครั้งแรกในโลก แสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงเป็นผู้มีพระปรีชาสามารถเป็นเลิศ” ประธานที่ปรึกษา บริษัท กลุ่ม 79 จำกัด ยังกล่าวถึงประโยชน์ของการกำจัดขยะวิธีนี้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และเชิงธุรกิจว่า “ที่สำคัญคือการประหยัดพื้นที่ เพราะที่ดินในการใช้กำจัดขยะกินพื้นที่มาก เมื่อเราสามารถหมุนเวียนการใช้ที่ดินได้ จะทำให้เราไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรที่ดิน และยังประหยัดน้ำมันในการขนถ่ายขยะ เพราะไม่ต้องเปลี่ยนสถานที่กำจัดบ่อยๆ เหมือนต่างประเทศ ข้อดีของการกำจัดขยะแบบฝังกลบอีกอย่างคือ ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะการฝังกลบขยะเป็นวิธีการที่ประหยัดและใช้ต้นทุนต่ำกว่าการใช้เตาเผาหรือวิธีอื่นๆ จึงช่วยประหยัดเงินตราให้กับประเทศ อีกทั้งแก๊สมีเทนที่ได้จากการดูดจากหลุมฝังขยะยังสามารถนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการสำรองแหล่งพลังงานทดแทนในอนาคต และท้ายสุดเราทุกคนก็จะมีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน” นอกจากนี้ บริษัท กลุ่ม 79 จำกัด ยังมีการประสานงานกับท้องถิ่น โดยสอดคล้องกับกระแสพระราชดำรัส “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” ไม่เพียงเป็นสถานที่สร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ชาวกำแพงแสนอันเป็นพื้นที่ก่อตั้งบ่อฝังกลบขยะ ซึ่งกว่า 90% เป็นคนพื้นที่ หากยังเปิดโอกาสให้ชาวบ้านทุกตำบลพร้อมผู้นำท้องถิ่นหมุนเวียนมาเดินออกกำลังกายในช่วงเช้าตรู่รอบบ่อฝังกลบ ผ่านกิจกรรม “เสาร์สุขภาพ” ที่กำหนดจัดขึ้นทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนอีกทั้งยังประกาศให้เป็นวันหยุดประจำบริษัท เพื่อให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิด ตลอดจนทัศนคติต่างๆ ร่วมกันกับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านได้เข้าใจกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน และเข้าถึงด้วยการได้มาเห็นและสัมผัส ทำให้เกิดการพัฒนาพื้นที่และได้ประโยชน์ร่วมกัน นี่เป็นตัวอย่างของการตามรอยพ่อ...ที่ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่อชุมชน ประเทศชาติ และสิ่งแวดล้อมของโลก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300, 0-2434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา, คุณปิติยา สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว+สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววันนี้

บางจากฯ เชิญชวน สัมผัสน้ำพระราชหฤทัยจากฟ้าสู่มหานคร ในงาน "โครงการหลวง 56"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปทรงเปิดงานโครงการหลวง 56 ภายใต้แนวคิด "Farm To City Farmtime Stories น้ำพระราชหฤทัย จากฟ้าสู่มหานคร" โดยมี พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการ ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน "โครงการหลวง 56" คณะองคมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมด้วย นายดำรง ศรีพระราม รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

สศร.จัดกิจกรรมจิตอาสาสำนักงานศิลปวัฒนธรรม... สศร.จัดกิจกรรมจิตอาสา — สศร.จัดกิจกรรมจิตอาสาสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ศิลป์สร้างสรรค์สร้างสุขเพื่อสังคม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ...