เวียดนามวิตกขาดดุลการค้า ลดค่าเงินดอง พร้อมเปิดมาตรการกีดกันการค้า กรมส่งออกฯเผยไทยยังสู้ได้ จี้ทูตพาณิชย์จี้ติด พร้อมรายงานผลกระทบ

18 Aug 2010

กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--กรมส่งเสริมการส่งออก

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางเวียดนาม ประกาศปรับลดค่าเงินดองลงเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552 โดยปรับลดลง 2% เพื่อควบคุมยอดขาดดุลการค้าว่า เป็นมาตรการต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ซึ่งไม่น่าจะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม เนื่องจากสินค้าและบริการไทยมีคุณภาพ มีความหลากหลาย ได้รับการยอมรับมากกว่า และมีบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ

สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เป็นไปตามแนวโน้มในภูมิภาคเอเชีย เพราะช่วงก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีเงินไหลเข้าไทยมากนัก แต่ในช่วงหลัง เมื่อสถานการณ์การเมืองนิ่ง และมีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมาก ก็ทำให้มีเงินไหลเข้ามากขึ้น รวมทั้งการขายเงินดอลล่าร์ที่ผู้ส่งออกได้รับตามภาวะปกติ จึงทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น ค่าเงินในเอเซียมีแนวโน้มปรับค่าสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงปลายปี ด้านเศรษฐกิจโลก ขณะนี้ยังไม่ได้มีสัญญาณที่ชัดเจนว่า เศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังจะชะลอลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก

นางศรีรัตน์ กล่าวว่า ตามที่สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม รายงาน เวียดนามประกาศใช้มาตรการที่กำหนดให้มีการขออนุญาตนำเข้าสินค้าทุกครั้ง (automatic import licensing) ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการ โดยต้องยื่นขอผ่านทางไปรษณีย์เท่านั้น และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน หากไม่สามารถดำเนินการออกของได้ บริษัทเรือจะต้องจ่ายเบี้ยปรับ ทำให้สินค้ามีต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นความยุ่งยากในการนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าบริโภคอุปโภคนั้น ได้ให้สำนักงานฯ ติดตามและรายงานผลกระทบใดๆ ที่จะมีต่อการส่งออกสินค้าไทยเข้าตลาดเวียดนามแล้ว

อนึ่ง ไทยให้ความสำคัญกับตลาดอาเซียนที่มีสัดส่วนอันดับ 1 ของการส่งออกไทย โดยกรมฯจะเพิ่มจำนวนและคุณภาพในการจัดกิจกรรมด้านการผลิต เพื่อให้การส่งออกขยายตัวเติบโตด้วยความแข็งแกร่งที่ระดับ 30% จากเดิมที่เคยตั้งเป้าหมายส่งออกในกลุ่มนี้ไว้ที่ 27.3% เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง การส่งออกในรอบ 6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.53)ที่ผ่านมา จะมีอัตราการขยายตัวในตลาด อาเซียน(9ประเทศ)ถึงกว่า 55% หรือ มีมูลค่า 21,680 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพื่อเสริมสร้างยุทธศาสตร์การส่งออกไทย ที่จะมุ่งเน้นภูมิภาคเอเซีย พร้อมสนับสนุนนโยบายการให้ความสำคัญกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) เพื่อการขยายฐานทางเศรษฐกิจทั้งการเสาะหาวัตถุดิบ แหล่งแรงงาน ตลาดการค้าและแหล่งการลงทุนให้กว้างขวางขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. โทร.02-507-7932 – 4 สำนักประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการส่งออก