‘ไอเฟค’ ทุ่มพันล้านผุดโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 10 เมกะวัตต์

03 Feb 2011

กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์

ไอเฟค” เดินหน้าโครงการพลังงานทดแทนเต็มสูบ ดัน “ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส” รุกขยายธุรกิจ ประเดิมโครงการแรกด้วยเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ผุดโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง รวมกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เชื่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายณรงค์ เตชะไชยวงศ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด หรือ IFEC เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน โดยได้จัดตั้งบริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด ซึ่ง IFEC ถือหุ้น 100% นั้น ล่าสุดบริษัท ไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส ได้เตรียมที่จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นเป็นโครงการแรก ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี

“ขณะนี้ธุรกิจพลังงานทดแทนกำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพื่อจำหน่ายให้กับหน่วยงานรัฐ รองรับความต้องการไฟฟ้าภายในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย บริษัทฯ จึงพร้อมลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการลงทุนขยายธุรกิจดังกล่าว” นายณรงค์กล่าว

ด้าน นายมาริศวน์ ท่าราบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัทไอเฟค กรีน เพาเวอร์ พลัส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความสนใจทำธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไบโอแมส เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่ดี และภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้ภาคเอกชนก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของปริมาณการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ หรือประมาณ 5,000-6,000 เมกะวัตต์

ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทฯ นั้น ในเบื้องต้นจะเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้เงินลงทุนร่วม 1,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง รวมกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ บนเนื้อที่กว่า 220 ไร่ ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนจากลงทุนอย่างคุ้มค่า โดยคาดว่าผลตอบแทนของส่วนผู้ถือหุ้น (Equity IRR) จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15 เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนวัตถุดิบและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมัน ถ่านหินและแก๊ส ที่นำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันอีกด้วย

เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ในนาม บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า) โทร. 0-2248-7967-8 ต่อ 117Email address : [email protected], [email protected]

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net