หนูน้อย 4 ขวบ.. คว้าแชมป์นักเล่านิทานระดับประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--โครงการ “ลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทานครั้งที่ 5

ความสามารถ..จิตนาการ..ความน่ารักสดใส..เป็นสิ่งที่พบเห็นบนเวทีลับสมองประลองปัญญาสรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน..ทำให้ตลอดระยะเวลา 3 เดือนกว่า คณะกรรมการทำงานกันอย่างหนัก และมีความหนักอกหนักใจกันไม่น้อย ในการคัดสรรสุดยอดหนูน้อยนักเล่านิทานระดับประเทศ เมื่อวันที่ 16 – 17 ตุลาคม 2553 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานอุทยาการเรียนรู้ ร่วมกับ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก, สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, นิตยสาร Mother&Care และสถานีวิทยุไทยเพื่อเด็กและครอบครัว FM.105 จัดการแข่งขันประกวดหนูน้อยนักเล่านิทานรอบชิงชนะเลิศ ในโครงการ “ลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทานครั้งที่ 5 (สัญจร)” ขึ้น โดยได้ผู้ชนะเลิศการประกวดดังมีรายชื่อต่อไปนี้ ประเภทเดี่ยว อายุ 4-6 ปี รางวัลชนะเลิศ ด.ญ.ปริณดา อินสตูล (น้องโอปอ) อายุ 4 ปี 6 เดือน โรงเรียนอนุบาลจารุเวช กทม. (ตัวแทนกรุงเทพ) นิทานที่เล่าเรื่อง กระต่ายน้อยกับหินวิเศษ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด.ญ.พรรณรมณ บุญล้อม (น้องน้ำทิพย์) อายุ 4 ปี 7 เดือน โรงเรียนอนุบาลเชียงราย จ.เชียงราย (ตัวแทนภาคเหนือ) นิทานที่เล่าเรื่อง แมวนางฟ้าชูการ์กับไข่ฟองสำคัญ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ด.ช.อธิษฐ์ ธารทิพย์จิตเกษม (น้องปลาวาฬ) อายุ 5 ปี 9 เดือน โรงเรียนเซนต์ฟรังซัสเซเวียร์ กทม. (ตัวแทนกรุงเทพ) นิทานที่เล่าเรื่อง ดาวอะไรเอ่ย ประเภทเดี่ยว อายุ 6-9 ปี รางวัลชนะเลิศ ด.ญ.ฐิตาภา ฤทธิจันทร์ (น้องปิ่น) อายุ 7 ปี 3 เดือน โรงเรียนดรุณาราชบุรี จ.ราชบุรี (ตัวแทนภาคกลาง) นิทานที่เล่าเรื่อง คุณฟองนักแปรงฟัน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด.ญ.ชนกนันท์ ทองสุข (น้องไอที) อายุ 6 ปี 4 เดือน โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ (ตัวแทนภาคเหนือ) นิทานที่เล่าเรื่อง หมีน้อยอยากเป็นนก รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ด.ญ.ปลายฟ้า นรพิเชียรฉาย (น้องปลายฟ้า) อายุ 6 ปี 2 เดือน โรงเรียน AIT กทม. (ตัวแทนกรุงเทพ) นิทานที่เล่าเรื่อง ค่ะหายไปไหน ประเภททีมครอบครัว รางวัลชนะเลิศ ชื่อทีม เพื่อนใหม่ นิทานที่เล่า มดกับจิ้งหรีด (ตัวแทนกรุงเทพ) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ชื่อทีม แทนรัก นิทานที่เล่า แกะน้อยโอชากับหมาป่าผู้หิวโหย (ตัวแทนกรุงเทพ) รางวัลรองชนะเลศอันดับ 2 ชื่อทีม ปู่กับหลาน นิทานที่เล่า ธรรมชาติ (ตัวแทนกรุงเทพ) ของรางวัล ผู้ชนะเลิศการประกวด ประเภทเดี่ยวอายุ 4-6 ปี และ 6-9 ปี ได้รับถ้วยรางวัลจาก ศาสตราจารย์ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี พร้อมทั้งเงินรางวัล 20,000 บาท เกียรติบัตร และของที่ระลึก ผู้ชนะเลิศการประกวด ประเภททีมครอบครัว ได้รับถ้วยรางวัลจาก คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก พร้อมทั้งเงินรางวัล 20,000 บาท เกียรติบัตร และของที่ระลึก รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมทั้งเกียรติบัตร และของที่ระลึก รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมทั้งเกียรติบัตร และของที่ระลึก ชมเชยยอดเยี่ยม ได้รับเงินรางวัล 1,000 บาท พร้อมทั้งเกียรติบัตร และของที่ระลึก ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยาการเรียนรู้ กล่าวว่า สำนักงานอุทยาการเรียนรู้ มีบทบาทในการร่วมสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาคีที่เห็นความสำคัญของหนังสือกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดนิสัยรักการอ่านและกระตุ้นให้ครอบครัวเห็นความสำคัญของการเล่านิทานให้ลูกฟัง รวมถึงเปิดเวทีให้เด็กได้แสดงความสามารถอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจากการดำเนินงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เวทีแห่งนี้เป็นพื้นที่ในการบ่มเพาะเยาวชนที่มีพื้นฐานจากการอ่านสู่เยาวชนนักเล่าที่เปี่ยมคุณภาพและพร้อมจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ต่อไป คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก กล่าวว่า การอ่านเป็น “สะพานแห่งความรู้” ที่ผู้ใหญ่ใช้ทอดถึงเด็กด้วยความรัก และความเมตตา เพื่อสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดีงาม การอ่านถือเป็นการสร้างอริยทรัพย์ เพื่อสะสมเป็นทุนทางชีวิต ยิ่งอ่านเยอะ ทุนก็แยะ ทุกสิ่งที่อ่านจะส่งผ่านไปยังคลังความรู้ในสมอง ยิ่งอ่านมาก ก็ฉลาดมาก อยากให้เด็กเป็นอย่างไรให้อ่านหนังสืออย่างนั้นให้เด็กฟัง หรือหาหนังสืออย่างนั้นให้เด็กอ่าน อาจารย์ชีวัน วิสาสะ นักแต่งนิทาน นักเล่านิทาน กล่าวว่า อยากจะรู้จักโลกทั้งใบก่อนที่จะเดินทางท่องโลก ก็ควรอ่านโลกจากหนังสือ อยากจะตื่นเต้นระทึกขวัญแต่ไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ก็ให้อ่านหนังสือ อยากจะรู้ความคิดของนักปราชญ์ ความคิดของทรราช ก็ให้อ่านหนังสือ ถ้าเราปลูกต้นไม้โดยไม่ใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ต้นไม้อาจจะไม่ตายแต่คงไม่สมบูรณ์ คนไม่อ่านหนังสือก็ไม่ตาย (สุดท้ายก็ต้องตาย) แต่ก็คงเป็นคนไม่สมบูรณ์ คนที่สมบูรณ์ก็ต้องตายเช่นกันแต่ตายอย่างคนที่สมบูรณ์ ส่วน คุณทิพย์สุดา สุเมธเสนีย์ นักวิชาการด้านการศึกษาปฐมวัย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า การอ่านเป็นช่องทางที่ดีในการเรียนรู้ในทุกๆเรื่อง เพราะการอ่านเป็นการเปิดประตูไปสู่เนื้อหาที่นักเขียนได้เขียนเรื่องราวไว้แล้วในหนังสือ อีกทั้งยังกระตุ้นจินตนาการของเด็กได้อย่างไร้พรมแดน สอบถามเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 0-2628-8818-9 สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร+สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาวันนี้

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ กทม. และพันธมิตร เปิดไฟต้นคริสต์มาส Musical Joyride ถ่ายทอดความสุขและความอบอุ่นรอบๆ ตัว เติมสีสันเทศกาลส่งท้ายปีให้กับชาวไทยและทัวริสต์

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, สำนักงานเขตปทุมวัน, กรมพลศึกษา และ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จัดพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาส SPARKLING HAPPINESS ภายใต้คอนเซปต์ Musical Joyride ถ่ายทอดบรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่น ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ โดยมี นางสาวพุทธชาด ศรีนิศากร (แถวล่าง : ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ นายต่อศักดิ์ โชติมงคล (แถวล่าง : ที่ 3 จากซ้าย) ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ให้

คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยา... BUDM ShowPro 2025 เปิดเวทีแสดงผลงาน Degree Project ของนักศึกษาม.กรุงเทพ — คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ขอเชิญร่วมชมนิทรรศการ BUDM S...