“ไอที เอาท์ซอร์สซิ่ง” ธุรกิจนี้ขอมี “ตัวช่วย”

22 Oct 2010

กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--พิตอน คอมมิวนิเคชั่น

ระบบงานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ถือได้ว่ามีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่องค์กรขนาดกลางหรือขนาดย่อม ในสหรัฐอเมริกาธุรกิจขนาดใหญ่จะจัดสรรงบประมาณทางด้านไอทีไว้ที่ 10,000-12,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 350,000-420,000 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งเป็นรายจ่ายจำนวนมหาศาลขององค์กรในแต่ละปี ทั้งนี้จากผลการวิจัยของสปริงบอร์ด รีเสิร์ชระบุว่า การใช้จ่ายด้านไอทีของภาครัฐไทยในปี 2551 มีมูลค่าสูงถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2554

จะเห็นได้ว่ารายจ่ายทางด้านไอทีมีมูลค่าสูงขึ้นและอาจสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้เกิดคำถามว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรสามารถพัฒนาระบบงานทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้เร็ว โดยลงทุนต่ำแต่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยเฉพาะผลที่ได้ในรูปแบบการใช้งานภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ สร้างระบบบริการที่ดี ตลอดจนมีภาระต่อการลงทุนทางด้านนี้น้อย สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้

หลายองค์กรในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน รวมทั้งประเทศไทย ต่างก็หันมาให้ความสนใจกับหน่วยงานให้บริการจากภายนอก ซึ่งอาจจะเป็นองค์กร หรือธุรกิจที่ให้บริการทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมืออาชีพจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สามารถพัฒนาระบบงานให้เสร็จได้เร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย

การว่าจ้างในลักษณะนี้เรียกว่าเอาท์ซอร์ส (Outsource) เอาท์ซอร์สเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่มีผู้กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาในประเทศไทย เป็นการถ่ายงานที่ไม่ใช่หัวใจสำคัญขององค์กรไปให้บริษัทอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในงานนั้นๆ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลและด้านบุคคลากร รวมถึงยังสามารถนำทรัพยากรที่ตนเองมีอยู่อย่างจำกัด ไปมุ่งเน้นกับกิจกรรมที่สร้าง "มูลค่าเพิ่ม" ต่อสินค้าบริการของกิจการอย่างแท้จริงมากกว่า

การเอาท์ซอร์สทำได้หลายส่วนงานขององค์กร เช่น บัญชี, กฎหมาย, การวิจัย รวมถึงงานด้านไอที ซึ่งมีบริษัทที่ทำธุรกิจไอทีเอาท์ซอร์สในหลากหลายสาขาให้เลือกใช้บริการตามความเหมาะสมขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทางของธุรกิจ, การบริการเฉพาะส่วนบำรุงรักษาระบบไอที, การให้บริการบริหารระบบเครือข่ายเพื่อการสื่อสารข้อมูลแอพพลิเคชั่นทั้งภายใน ภายนอกองค์กร, การบริการตรวจสอบระบบความปลอดภัยของเครือข่ายใช้งาน, การเข้ารับหน้าที่ปฏิบัติการด้านไอทีสมือนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรก็ทำได้ หรือจะเพียงรับช่วงงานวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น

“คุณสุภัค ลายเลิศ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสบริษัท ยิบอินซอย จำกัด บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการด้าน Systems Integrator หนึ่งในผู้นำโซลูชั่นเต็มรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรยุคใหม่ ผู้เชี่ยวชาญระบบเอาท์ซอร์สซิ่งระดับพระกาฬของเมืองไทย ที่ให้บริการด้านศูนย์เก็บข้อมูลและศูนย์ปฏิบัติการเครือข่าย ศูนย์รับแจ้งการบริการ และบริการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ได้ให้แง่คิดรวมถึงภาพรวมของธุรกิจไอที เอาท์ซอร์สซิ่ง ไว้ดังนื้

“การทำเอาท์ซอร์สจะช่วยลดภาระขององค์กรลง ช่วยให้องค์กรมีศักยภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ลดภาระและเวลาที่มักจะเสียไปกับเรื่องเรื่องยิบย่อยตลอดจนเรื่องสำคัญๆ และลดความเสี่ยงของข้อมูลจากความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นด้วยตัวของระบบเอง หรือจากภัยพิบัติก็ตาม นอกจากองค์กรขนาดใหญ่แล้วไอที เอาท์ซอร์สยังเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัดเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจอื่นๆ ดังนั้นหากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับการทำธุรกิจแบบมี “ตัวช่วย” ที่ช่วยนำพาธุรกิจให้ก้าวไปได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่จะต้องตัดสินใจในการวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อช่วยให้มีชัยในสังเวียนธุรกิจ”

คุณสุภัค ยังเน้นด้วยว่า เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเสมอ ย่อมเป็นเรื่องยากที่องค์กรจะลงทุนกับบุคคลากรในการวิ่งตามให้ทัน และด้วยข้อจำกัดในการทำงาน จะทำให้ขาดวิสัยทัศน์ในการเลือกสิ่งที่เหมาะสมต่อการใช้งาน ที่สำคัญ หลายองค์กรมักหลงทางตอนที่ต้องเลือกใช้ระบบ เพราะความจริงประการหนึ่งที่ซ่อนอยู่คือ ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องใหม่ที่สุด เร็วที่สุด หรือแรงที่สุด หากแต่เป็นเหมาะสมที่สุด “ซึ่งการตัดสินใจเลือกนี้ เป็นเรื่องที่ท้าทายต่อคณะผู้บริหารมาโดยตลอด” ดังนั้น เพื่อเป็นการเริ่มต้นที่สมควร องค์กรสามารถที่จะมองการทำเอาท์ซอร์สแบบเป็นส่วนๆ ไป ซึ่งมีทั้งแบบจัดจ้างหรือจัดหากิจกรรมการดำเนินงานบางอย่างหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์บางประเภทจากหน่วยงานภายนอก และแบบเอาท์ซอร์สงานทั้งแผนกให้แก่หน่วยงานภายนอกทั้งหมด ทั้งนี้องค์กรควรเลือกรูปแบบและการให้บริการให้เหมาะสมกับขนาดขององค์กร งบประมาณ และความคุ้มค่าจากผลตอบแทนที่จะได้รับ โดยไม่ลืมคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเลือกบริษัทเอาท์ซอร์สซิ่งที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ เพื่อนำพาธุรกิจให้ ‘เป็นต่อ’ ในทุกสถานการณ์

กล่าวโดยสรุป การบริหารองค์กรโดยรวมเป็นเรื่องท้าทายอยู่แล้วทางด้านธุรกิจ ดังนั้นการบริหารเวลาและทรัพยากรภายในให้เกิดประโยชน์ที่สุดต่อหัวใจของงาน น่าจะเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด การส่งส่วนที่ไม่ถนัด หรือ ส่งส่วนที่คนอื่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพรับผิดชอบทำได้ดี ก็เป็นทางออกที่ทำให้บริหารเวลาทรัพยากรได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ดึงบุคคลากรมาใช้ในการขยายพัฒนาธุรกิจ ดูแลลูกค้า สร้างความประทับใจอันดี เพื่อการเติบโตต่อยอดไปย่อมทันสมัยและถือว่าเป็นผู้รู้ทันธุรกิจปัจจุบันอย่างแท้จริง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ:

บริษัท พิตอน คอมมิวนิเคชั่น จำกัด

โทรศัพท์: 0-2690 56 81-4 โทรสาร: 0 2690 56 85

คุณบูรณี จันทรปรรณิก, คุณรัตติยา โตสูงเนิน

[email protected], [email protected]

บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

คุณนครินทร์ เทียนประทีป

โทรศัพท์02-353-8600 ต่อ 3210