สัมผัสชีวิตริมน้ำ สืบสานตำนานพระลอยน้ำ ๕ พี่น้อง ในงาน “เทศกาลเที่ยวงานวัด ครั้งที่ ๑๑”

13 Jun 2011

กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น

จากภาพวิถีชีวิตอันงดงามของคนไทยที่มีความผูกพันกับสายน้ำ ประกอบกับความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์งาน “เทศกาลเที่ยวงานวัด ครั้งที่ ๑๑” โดยศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ร่วมกับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ เที่ยวงานวัด สัมผัสตลาดน้ำ..นมัสการพระ ๕ พี่น้อง อีกทั้ง ยังได้รับการร่วมสนับสนุนจากเมืองไทยประกันชีวิต ร่วมชวนคนกรุงยุคใหม่มาสัมผัสตลาดน้ำและความสนุกสนานของงานวัดแบบไทยๆ

ความโดดเด่นของงานในปีนี้ คือการเนรมิตพื้นที่บริเวณลานชั้น ๑ ของศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ให้กลายเป็นตลาดน้ำชื่อดังซึ่งล้วนแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในความประทับใจของทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำดอนหวาย และตลาดน้ำอัมพวาที่มาพร้อมกับกิจกรรมชมความงามของหิ่งห้อยภายในห้องจัดแสดงที่ให้ความรู้สึกและบรรยากาศเหมือนได้ไปเยือนถิ่นอัมพวา จ.สมุทรสงครามจริงๆ รวมถึงมีการออกร้านจำหน่ายอาหารคาวหวานขึ้นชื่อของแต่ละตลาด ซึ่งปัจจุบันหาชมและรับประทานได้ยาก อาทิ ตังเม รังผึ้ง ขนมหม้อแกงโบราณ ข้าวแช่ชาววัง เป็ดพะโล้นายหนับ ข้าวแห้งดำเนิน ขนมเบื้องโบราณตลิ่งชัน ปลาทู ปลาทูเค็ม ปลาอินทรี แม่กลอง ร้านกาแฟสมานการค้าจากอัมพวา เป็นต้น รวมทั้งร้านค้าของเล่นและขนมเด็กโบราณย้อนยุค เช่น กระดาษสีรังผึ้ง จั๊กจั่นปั่น ป๋องแป๋ง ขนมขี้แมว ฯลฯ

อีกหนึ่งความพิเศษที่ผู้มาร่วมงานไม่ควรพลาด นั่นคือการได้มีโอกาสสักการะพุทธปัญจภาคีวารีปาฏิหาริย์ หลวงพ่อลอยน้ำ ๕ พี่น้ององค์จำลอง ซึ่งมีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูป 5 องค์จากทางเหนือที่แสดงปาฏิหาริย์ด้วยการลอยมาตามแม่น้ำสายหลัก 5 สาย เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับพุทธศาสนิกชน เมื่อชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่มีน้ำหนักมาก แต่สามารถลอยน้ำได้จึงเกิดเลื่อมใสศรัทธาและอัญเชิญขึ้นประดิษฐานตามวัดต่างๆ

สำหรับพระพุทธรูปองค์แรกซึ่งลอยมาตามแม่น้ำบางปะกง ถึงบริเวณหน้าวัดหงษ์ หรือ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทราในปัจจุบัน ได้รับการเรียกขานนามว่า “หลวงพ่อโสธร” หรือ “พระพุทธโสธร” โดยมีพิธีบวงสรวงใช้สายสิญจน์คล้องกับพระหัตถ์ อัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ พ.ศ. ๒๓๑๓ สมัยต้นกรุงธนบุรี เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ปูนปั้นลงรักปิดทองพระวรกายแบบเทวรูป พระเกตุมาลาแบบปลีหรือทรงกรวย หมายถึงความอยู่เย็นเป็นสุขตามคติของชาวจีน ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้มีจิตศรัทธา จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “มงคลคู่แปดริ้ว” ไม่เฉพาะของชาวแปดริ้วเท่านั้น แต่รวมถึงสาธุชนจากทั่วประเทศที่หลั่งไหลมากราบไหว้ขอพร โดยส่วนใหญ่นิยมนำไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัยมาถวายเป็นเครื่องสักการะแด่หลวงพ่อ

พระพุทธรูปองค์ที่สอง คือ “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” วัดไร่ขิง (มงคลจินดาราม) อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ ประทับนั่งปางมารวิชัย ตำนานเล่าว่าองค์หลวงพ่อลอยมาตามแม่น้ำนครชัยศรี ชาวบ้านมีพิธีอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ตรงกับวันสงกรานต์พอดี โดยในวันอัญเชิญหลวงพ่อขึ้นจากแพไม้ไผ่ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้ผู้คนเกิดความเชื่อว่าหลวงพ่อจะช่วยปกปักษ์รักษาให้มีความร่มเย็นเป็นสุข และนับตั้งแต่ที่หลวงพ่อมาประดิษฐานที่วัดไร่ขิงก็มีประชาชนพากันมาเคารพสักการะมิได้ขาด โดยเฉพาะวันหยุดจะมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศแห่แหนมากราบไหว้บูชาขอพรหลวงพ่อจนแน่นอุโบสถ

ต่อมาคือ “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปองค์ที่สามซึ่งลอยมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาและถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ มีขนาดองค์ใหญ่โตมาก จึงได้รับการเรียกขานว่าหลวงพ่อโต นับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวในจำนวนห้าพี่น้องที่ไม่ได้มีนามตามชื่อวัด บางตำนานเล่าขานเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อโตว่า หลวงพ่อโตได้แสดงปาฏิหาริย์ให้องค์ท่านซึ่งเป็นทองสัมฤทธิ์เกิดนุ่มนิ่มเหมือนเนื้อมนุษย์ จึงเป็นที่มาของการจัดงานทำบุญฉลองในวันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี นอกจากนี้ วัดบางพลีใหญ่ในยังได้จัดงานประเพณีรับบัวและนมัสการหลวงพ่อโต ตั้งแต่วันขึ้น ๑๑ ค่ำ ถึง ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยเป็นการจัดขบวนเรือแห่หลวงพ่อโตองค์จำลองไปตามลำคลองสำโรง เพื่อรับดอกบัวที่ผู้คนถวายเป็นพุทธบูชา

พระพุทธรูปลอยน้ำองค์ที่สี่ คือ “หลวงพ่อบ้านแหลม” ลอยมาตามแม่น้ำแม่กลองและขึ้นประดิษฐานที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ลักษณะองค์ยืนขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ ๑๖๗ เซนติเมตร คาดว่าสร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระพักตร์งดงามคล้ายพระพักตร์ของเทพบุตร พระหัตถ์ถอดออกเป็นชิ้นคล้ายรูปแบบของพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย กรมศิลปากรได้จดขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๖ ในด้านความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อบ้านแหลมมีตำนานเล่าถึงคุณลักษณะพิเศษ ๙ ประการ คือ เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด มีลาภ มียศ ค้าขาย หายโรค วิชาการและรุ่งเรือง โดยผู้คนนิยมนำพวงมาลัยมาถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์หลวงพ่อ

เรื่องราวของพระพุทธรูป ๕ พี่น้องที่มีตำนานเล่าขานสืบมาถึงพระพุทธรูปองค์สุดท้ายที่ลอยมาตามแม่น้ำเพชรบุรี คือ “หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา” ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นพระพุทธรูปนั่ง ปางมารวิชัย หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ขนาดเล็ก หน้าตักกว้างเพียง 21 นิ้ว ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับประวัติของหลวงพ่อ แต่จะมีก็เพียงตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่ามีชาวประมงลากอวนติดพระพุทธรูป ๒ องค์ องค์หนึ่งเป็นปางยืนซึ่งก็คือหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ส่วนอีกองค์เป็นปางนั่งสมาธิได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเคราและเรียกขานกันว่าหลวงพ่อเขาตะเครา ต่อมาเมื่อมีผู้เลื่อมใสศรัทธาหลั่งไหลมากราบไหว้บูชา ปิดทองหลวงพ่อจนเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ จึงมีการขานนามใหม่ว่า “หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา” มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

นอกจากจะอิ่มบุญกันแล้ว ยังจะได้อิ่มใจไปกับความบันเทิงที่แฝงด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การเล่นเกมต่างๆ พร้อมทำบุญตักไข่พาโชคเพื่อนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้วัดพระบาทน้ำพุ ใครที่สนใจจะส่งเสริมประเพณีดีงามของไทยก็ไปร่วมงานเทศกาลเที่ยวงานวัด ครั้งที่ ๑๑ ได้จนถึงวันที่ ๒๙ พฤษภาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ จิรสุดา จิตรากรณ์ โทร.081 641 7595 Email: [email protected] บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net